logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

108 วิธีโกงไพ่ -----------> อ่านซะๆจาก เซียนเดี๋ยวซวย (เก็บมาฝาก อิอิ)


(เก็บมาฝาก อิอิ) หลายคนคงไม่ได้ตื่นเต้น แต่ ผมเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ อาจใหม่สำหรับบางคน 

วงการพนันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ถึงความน่ากลัวของมัน ผมเคยพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะหยิบยกเอามาเสนอ ให้คนในสังคมได้ทราบ ได้รู้ ได้เห็น แต่ก็ถูกต่อต้านจากบุคคลหลายกลุ่มว่า หนังสือหรือผลงานของผมเป็นเหมือนดาบสองคม กล่าวหาว่าเป็นหนังสือที่ไม่สร้างสรรค์ ผมเคยคุยกับคนกลุ่มนี้หลายคนแล้วว่า หนังสือไม่สร้างสรรค์ตรงไหนเขาบอกว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการพนัน ผมก็ตอบว่าใช่ แต่การที่ผมเอาความลับเทคนิคและเล่ห์กลโกงมาเขียนนำเสนอเนี่ยมันผิดตรงไหน คนพวกนั้นบอกว่ามันผิดศีลธรรม ผมก็เลยถามเขาต่อไปว่าผิดศีลธรรมตรงไหน ก็หนังสือที่ผมเขียนไม่ได้มีจุดประสงค์ไปชักชวนให้ใครไปเล่นการพนัน แต่ขณะเดียวกันผมกลับชี้ให้เห็นโทษและเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของการพนันว่ามันมีอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ ผมกล้าพูดได้เลยว่าคนทั่วโลกส่วนมากมีความผูกพันกับการพนันเสี่ยงโชคในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตีไก่ – ไฮโล – ไพ่ – หวย – มวย – ม้า – ปลากัด หรือแม้กระทั่งหมากัดกัน ก็ยังเอามาเป็นการพนัน เหมือนอย่างบางประเทศ แต่คุณรู้มั้ยว่าการพนันแต่ละประเภทนั้นเขามีเทคนิคและวิธีโกงกันอย่างไร ผมกล้าพูดได้เลยว่า 90 % ของคนทั่วโลกไม่มีใครรู้ 5% รู้บ้างไม่รู้บ้าง ส่วนอีก 5% เป็นพวกเซียนเดินสายจริง ๆ เพราะฉะนั้นการที่ผมนำเรื่องราวเหล่านี้มาเปิดเผย ผมกล้าพูดได้เลยว่า 90% ของคนที่ไม่มีความรู้ มีความต้องการที่จะอยากรู้ถึงลักษณะและเล่ห์เหลี่ยมกลโกงต่าง ๆ ของการพนันแต่ละประเภท เพื่อจะได้เกิดความระมัดระวัง ไม่ต้องถูกหลอกถูกโกงจากพวกเซียนพนันทั่วๆ ไป ผมคงไม่มีอำนาจไปยุยงส่งเสริมให้ใครหันไปเล่นการพนัน ไอ้ครั้นจะไปบอกให้เขาเลิกเล่นการพนัน เดี๋ยวเขาก็จะด่าหาว่าไปเสือกเรื่องส่วนตัวของเขาอีก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ ชี้แนะและอธิบายให้เขาเห็นเสียเลยว่า การพนันมันมีโทษอย่างนี้นะ และให้พวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจกันเอาเอง แบบนี้ดีกว่าใช่ไหมครับ 

108 กลโกงไพ่ 


การพนันไพ่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไพ่ป๊อก 8-9 เก้าเก รัมมี่ ผสมสิบ กบดำกบแดง ถ้าบอกว่าไม่มีการโกงคงไม่มีใครเชื่อแน่นอน แต่การโกงที่ว่านั้นมีอะไรกันบ้างล่ะ มีใครตอบได้ และทำได้บ้างทำให้ดูหน่อยสิ กว่า 17 ปีที่ผมได้มีโอกาสได้รู้ได้เห็น ได้ฝึกฝนจากเซียนบางคน ครูพักลักจำบ้าง เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายหลายอย่างในวงการ จนปัจจุบันผมมีลูกศิษย์มากมายและก่อนหน้านี้ ผมก็เคยเป็นเซียนเดินสายเล่นเกือบทั่วประเทศ หากินกับพวกนักร้องคาเฟ่หมอนวด เซลส์แมน พ่อค้าแม่ค้า อีกมากมายหลายวงการ ไม่เน้นเข้าบ่อนใหญ่ ทุก ๆ ที่ที่เดินทางไปเล่น ได้มากน้อยต้องได้กลับมาแน่นอน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อผมได้ค้นพบสัจธรรม เมื่อตัวเองกลับมาโดนพรรคพวกที่เดินสายเล่นด้วยกันหักหลังโกงกันเอง จนผมแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงทำให้ผมคิดอยากจะเลิกเล่นการพนัน แต่อีกนั่นแหละ ทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค เพราะว่าแต่ก่อน เรามีรายได้จากการเล่นการพนัน แต่ถ้าเราเลิกเล่นการพนันเราจะทำมาหากินอะไร หนังสือก็เรียนไม่จบ ม.3 จะไปสมัครงานที่ไหนได้ เคยไปสมัครงานทำงานโรงงานแถวสมุทรปราการ ทำได้ 10 วันก็ยอมแพ้ เพราะไม่ทำงานหนัก แพ้ฝุ่นละอองด้วย คิดไปคิดมาก็เลยอยู่เฉย ๆ ดีกว่า หาปากกา กระดาษ มาเขียนบันทึกประสบการณ์ต่าง ๆ เอาไว้จนกระทั่งได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ทดลองทำหนังสือสไตล์เปิดเผยเทคนิคกลโกง ออกมาทดลองขายในตลาด ก็ประสบผลสำเร็จพอสมควร จนกระทั่งได้ไปออกรายการโทรทัศน์ คือรายการตีสิบ ก็ยิ่งได้รับความสนใจและประสบการความสำเร็จตามมาอีกมากมาย เพราะหนังสือของผมมันไม่ใช่หนังสือประเภทดาราภาพยนตร์ – สารคดี – นิยาย แต่หนังสือของผมเป็นหนังสือแหวกแนวต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะหนังสือของผมจะนำเสนอแต่เรื่องแฉกลโกง ในวงการพนันโดยที่ไม่มีใครกล้าทำกัน แต่ผมทำผมเขียนเพราะผมไม่กลัวอะไร กลัวไปทำไม เคยมีคนถามผมว่าไม่กลัวว่าพวกเซียนพนันทั่วๆ ไป จะลงขันฆ่าผมบ้างเหรอ ที่เอาเรื่องกลโกงของพวกเขามาเปิดเผย โอ้ย!... ผมอยากจะหัวเราะเป็นภาษาโปรตุเกส ก็มันจะมีใครเอาเงินมาลงขันฆ่าผม ทุกวันนี้ไอ้พวกเซียนเอง มันก็แทบจะไม่มีกินกันอยู่แล้ว เล่นวันหนึ่งหยุดไปสองเดือน ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินสารพัด แล้วมันจะเอาเงินทีไหนมาลงขัน ผมเคยผ่านชีวิตแบบนี้มาแล้วผมรู้ดี เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้จักผมมากกว่านี้ เอาไว้ติดตามผลงานชิ้นต่อไปดีกว่า รับรองว่ามันกว่านิยายเสียอีก เพราะนี่คือความจริง

สำหรับกลโกงไพ่ 108 กลโกงที่ผมได้นำมาแสดงนี้เป็นเทคนิคต่าง ๆ ที่มีการนำมาเล่นกันจริง ๆในบ่อนการพนัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ตลอดจนเจ้าของบ่อนให้การเอื้ออำนวย สำหรับเทคนิคกลโกงก็มีอีกมากมายหลายอย่างด้วยกัน คือ ปลิ้นไพ่ ย่นไพ่ เก็บไพ่ สับไพ่ ซ่อนไพ่ เปลี่ยนไพ่ ไพ่งานต่าง ๆ และมีอีกมากมายหลายอย่าง เพราะเทคนิคต่าง  ที่ได้เกริ่นกล่าวให้ฟังนี้นั้น สามารถนำไปพลิกแพลงสถานการณ์ในการเล่นได้อีกมากมาย เซียนที่เก่ง  และมีความชำนาญนั้น สามารถแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเล่นเป็นเจ้ามือหรือเล่นเป็นลูกค้าก็ตามแต่ เริ่มสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ

ปลิ้นไพ่ใบล่าง

เทคนิคการปลิ้นไพ่ใบล่างนี้ ถือว่าเป็นวิธีการโกงที่มีมาแต่ดั้งเดิมเลยทีเดียว แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนนำมาเล่นกันอยู่ ที่นำมาเล่นได้ก็เพร่าว่าไม่ค่อยมีใครรู้อย่างแท้จริง บางคนรู้แต่ทำไม่เป็น จะไปพูดไปด่าเขาก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็จะโดนทำร้ายเสียเปล่า  มีทางเดียวก็คือ ต้องเลิกเล่นออกมาก่อน ส่วนพวกเซียนด้วยกันถ้าเขารู้เขาก็ไม่ได้โวยวายอะไร อย่างดีก็ขอเอี่ยวด้วยกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป ดีเสียอีกไม่ต้องออกแรงอะไรรอแบ่งเปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป ดีเสียอีกไม่ต้องออกแรงอะไรรอแบ่งเปอร์เซ็นต์อย่างเดียว ก็อย่างที่บอกทีแรกนั่นแหละ ถึงคุณจะรู้ว่าโดนโกงแต่คุณทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ก็ป่วยการเปล่า ๆ เดี๋ยวถ้าพวกเซียนเขาพูดย้อนกลับมาคุณนั่นแหละ ที่จะหน้าแตกเอง

ผมโกงอะไร อย่ามาพูดอย่างนี้นะ เล่นเสียแล้วพาลนี่หว่า ถ้าหาว่าผมโกงไหนลองทำให้ดูสิเพียงเท่านี้คุณก็แย่แล้ว ทางที่ดีที่สุดก็คือ เลิกออกมาซะก่อนแล้วขอเอี่ยวด้วยซะเลย แต่ก็อย่างว่าอีกนั่นแหละ คุณก็ยังไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเซียนพวกนั้นเขาอยู่ดี เพราะว่าเขาสามารถพลิกแพลงสถานการณ์แกล้งเล่นเสียโดยการถ่ายเอาเงินที่ได้มาตอนแรกให้กับหน้าม้าคนอื่นที่กำลังเล่นอยู่ก็เป็นได้ นี่แหละที่เขาเรียกว่าเล่ห์เหลี่ยมเชิงชั้นกลโกงล่ะ


ลักษณะการดูเซียนที่ใช้เทคนิคในการปลิ้นไพ่ใบล่าง

ลักษณะการดูเซียนที่ใช้เทคนิคในการปลิ้นไพ่ใบล่าง ก็คือ
1. การเก็บไพ่
2. การสับไพ่
3. การตัดไพ่ ตีลังกา
4. การจับไพ่
5. การแจกไพ่
6. การปลิ้นไพ่
ทั้งหมดนี้คือ องค์ประกอบการเล่นไพ่โดยรวมของการใช้เทคนิค ในการปลิ้นไพ่ใบล่างคราวนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าเทคนิคที่ว่านั้นเขามีวิธีการทำกันอย่างไร และดูกันอย่างไร

โดยเริ่มจากการเก็บไพ่ ซึ่งเป็นหัวใจหลัก เซียนเขาจะเก็บไพ่ตัวที่ต้องการเอาไว้ข้างล่งสุดก่อน 2 ใบ คือ 3-6 ดอกจิก สมมติว่าเป็นการเล่นการพนักป๊อก 8 – 9 แต่ถ้าเป็นการพนันอื่นก็จะใช้วิธีเดียวกันนี่แหละเพียงแต่ใช้วิธีการคัดเลือกตัวไพ่ที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง
ขั้นตอนต่อมาจะเป็นขั้นตอนของการสับไพ่ วิธีการสับไพ่ก็คือ เขาจะทำการสับไพ่แบบหลอกตา คือสับเฉพาะไพ่ที่ถืออยู่ข้างบน แต่จะไม่สับไพ่ข้างล่างขึ้นไป เพราะฉะนั้นไพ่ที่อยู่ข้างล่างก็ยังคงอยู่ที่เก่าเหมือนเดิมเช่นในรูป

หลังจากทำการสับไพ่เสร็จแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนของการตัดไพ่ หลังจากที่เซียนทำการยื่นไพ่ไปให้ลูกค้าทำการตัดไพ่แล้ว สมมติว่าไพ่ที่ลูกค้าตัดไพ่ประมาณกลาง ๆ กองออกไปแล้ว เซียนที่เล่นเป็นเจ้ามือก็จะทำการหยิบไพ่กองข้างล่างที่มีไพ่ 6 – 3 ดอกจิกอยู่นั้นมาแจกได้ทันที

ก่อนที่จะทำการแจกไพ่ เราต้องมาสังเกตดูอาการของการจับไพ่กันก่อนนะครับว่าเขามีเทคนิคในการจับไพ่กันอย่างไร แบบที่ 1 คือ ปลิ้นใบล่างออกทางด้านบน แบบที่ 2 ปลิ้นใบล่างออกตามแนวด้านข้าง

การดึงไพ่ใบล่างออกมาทางด้านบน
การจับไพ่แบบที่ 2

ลักษณะการจับแบบที่ 1 ปลิ้นไพ่ใบล่างออกทางด้านบน จะมีวิธีการจับแบบใช้นิ้วชี้ นิ้วกลางนิ้วนาง ประคองด้านข้างเอาไว้ ส่วนนิ้วก้อยจะคอยประคองไพ่ด้านล่างเอาไว้ และนิ้วหัวแม่มือจะประคองอยู่ทางด้านบนมีหน้าที่ในการปล่อยไพ่และล็อกไพ่

ลักษณะการจับแบบที่ 2 ปลิ้นไพ่ใบล่างออกทางด้านข้าง จะมีวิธีการจับคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่วิธีการปล่อยไพ่เท่านั้นเอง วิธีการจับจะใช้นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ทำหน้าที่ประคองด้านข้างเอาไว้ ในขณะที่นิ้วชี้ทำหน้าที่ประคองไพ่ด้านบนเอาไว้
หลังจากที่รู้เทคนิคในการจับไพ่กันไปแล้ว คราวนี้เรามาดู เทคนิควิธีการแจกไพ่กันบ้าง วิธีการแจกไพ่นั้น ก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย ก็แจกสบาย ๆ ธรรมดาให้กับพวกลูกค้าแต่ละคนโดยการแจกแต่ไพ่ใบที่อยู่ข้างบนให้กับลูกค้า

แจกไพ่


1. แจกไพ่มาถึงเจ้ามือ ปรากฏว่าเป็นไพ่ที่มีแต้มน้อย เจ้ามือก็จะเตรียมฉ่างไพ่ใบนั้นหงายทิ้งไป
2. หลังจากที่ฉ่างไพ่ใบนั้นหงายทิ้งไปแล้ว เจ้ามือก็จะแจกไพ่ใบต่อมาให้มาอยู่ในตำแหน่งของเจ้ามือแทนไพ่ใบที่ฉ่างหงายทิ้งออกไป
หลังจากแจกไพ่รอบแรกผ่านไป คราวนี้ก็มาถึงแจกไพ่รอบที่ 2 เจ้ามือ(เซียน) ก็จะทำการแจกไพ่ให้กับลูกค้าไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ จนกระทั่งใกล้จะมาถึงเจ้ามือ (เซียน) ก็จะอาศัยการดูตำหนิของไพ่งานที่นำลงไปเล่นนั่นแหละ ซึ่งทำให้รู้ว่าไพ่ที่จะมาตกอยู่ในตำแหน่งคือตัวอะไร และเมื่อรวมแต้มกันแล้วได้กี่แต้ม เช่นสมมติว่าไพ่รอบแรกที่แจกมาตกตำแหน่งเจ้ามือคือ 7 ดอกจิก ส่วนไพ่รอบที่ สอง ไพ่ที่จะมาตกในตำแหน่งของเจ้ามือ คือ 8 โพธิ์แดง ซึ่งถ้ารวมแต้มกันแล้วได้แค่ 5 แต้ม ส่วนไพ่อีกใบถัดจาก 8 โพธิ์แดง ก็คือ ไพ่ 10 ดอกจิก ซึ่งเมื่อถ้าหากทำการย่นไพ่ เอาไพ่ 10 ดอกจิกออกมาได้ก็จะทำให้แต้มของเจ้ามือเพิ่มเป็น 7 แต้มทันที เพราะฉะนั้น คราวนี้ผมจึงจะแสดงให้ท่านได้เห็นถึงเทคนิคในการย่นไพ่ ให้คุณ ๆ ได้เห็นกันว่าเซียนเดินสายทั่ว ๆ ไป เขามีวิธีการในการทำกันอย่างไร
สมมติว่าไพ่ที่แจกมาในรอบที่ 2 ไพ่ตัวที่จะมาตกอยู่ในตำแหน่งเจ้ามือก็คือ 8 โพธิ์แดง ส่วนไพ่ใบถัดไปคือ 10 ดอกจิก
สำหรับเทคนิคในการย่นไพ่ ก็คือ เจ้ามือ(เซียน) เห็นแล้วว่าไพ่ที่ตัวเองต้องการก็คือ 10 ดอกจิกซึ่งอยู่ในตำแหน่งใบถัดไปจาก 8 โพธิ์แดง เจ้ามือก็จะใช้เทคนิคการย่นไพ่ดึงไพ่ใบที่ 2 ก็คือ 10ดอกจิก ออกมา ก็คือ โดยการใช้วิธีการย่นไพ่ ก็คือ เจ้ามือ (เซียน) เขาก็จะใช้นิ้วหัวแม่มือทำการดึงไพ่ใบบนสุด (8 โพธิ์แดง) ถอยกลับมาข้างหลังนิดนึง ในขณะเดียวกันก็จะใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงไพ่ใบที่ 2 (10 ดอกจิก) ออกมาทันที ซึ่งจังหวะในการดึงไพ่ใบที่สองนี้ จะต้องดึงออกมาด้วยความคล่องแคล่วและว่องไว จึงจะไม่สามารถจับได้



ไพ่งานแกะดอกแบบรู้แต้มและสีของไพ่

เทคนิคในการแกะดอกสำหรับใช้ในการเล่นการพนันไพ่รัมมี่ และการพนันไพ่ตีแตกนั้นจะเป็นการแกะดอกทำตำหนิแบบรู้ไพ่ทุกตัวว่าไพ่ใบนั้น คืออะไร และสีดอกของไพ่คือตัวอะไรสำหรับเทคนิคในการแกะดอกนั้น ส่วนใหญ่จะมีการกำหนดแต้มไพ่ ดังนี้ คือ

1. แกะดอกทำตำหนิซ้ายไปขวา
2. แกะดอกทำตำหนิจากบนลงล่าง
จากรูปแสดงให้เห็นลักษณะลวดลายทางด้านหลังของไพ่ที่มีความนิยมนำมาใช้เล่นกันมากที่สุดตามบ่อนต่าง ๆ ในปัจจุบัน

1. ลายที่ 1 ไพ่ตอง 1
2. ลายที่ 2 ไพ่กระดาษ
3. ลายที่ 3 ไพ่ตอง
ก่อนอื่นเรามาดูลักษณะทางด้านหลังของไพ่กันก่อนว่า ไพ่แต่ละยี่ห้อนั้นจะมีลวดลายที่แตกต่างกันไปดังเช่น ลวดลายต่อไปนี้ คือ ไพ่ตอง 1 – ตอง 2 – ตอง 5
หมายเหตุ ลวดลายของไพ่ทั้ง 3 ชุดนี้ จะมีความนิยมนำมาเล่นกันมากที่สุดตามบ่อนต่าง ๆ ไม่ว่าบ่อนเล็กหรือบ่อนใหญ่
การแกะดอกไพ่แบบที่ 1 (ดอกที่อยู่ขอบนอก) ตอง 5 จะทำการแกะดอกทำตำหนิแบบเริ่มจากซ้ายไปขวาไล่ไปทีละดอก คือดอกที่ 1 คือ A ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ดอกที่ 4 คือ 4 ดอกที่ 5 คือ 5 ดอกที่ 6 คือ 6 แกะดอกทำตำหนิไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบทุกตัว การแกะดอกจะเห็นทั้งด้านบนและด้านล่างโดยแกะดอกทำตำหนิแบบทแยงมุม ดังเช่นในรูป

วางไพ่ 1 ใบโชว์หลังไพ่ไล่แต้มศรชี้ดอกไล่แต้ม

ไพ่วาง 1 ใบโชว์หลังไพ่ศรชี้ไล่ดอกสี
สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิโดยเริ่มจากดอกที่ 2 ทางซ้ายมือลงมา คือ สีโพธิ์ดำ ดอกที่ 3 คือ สีโพธิ์แดง ดอกที่ 4 สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำก็ได้ให้ผู้ที่ทำตำหนิจำเอาไว้ด้วยตัวเอง

การแกะดอก (ตอง 5 )

แกะดอกเสร็จแล้ว
วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้มศรชี้บอกแต้ม
การแกะดอกแบบที่ 2 (ดอกที่อยู่ขอบใน) จะทำการแกะดอกทำตำหนิ โดยเริ่มจากซ้ายไปขวาเช่นเดียวกับการทำตำหนิแบบที่ 1 แต่จะอยู่ในขอบด้านใน การกำหนดแต้มจะเริ่มจากไพ่ดอกแรกทางซ้ายมือ คือ ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ไล่ไปเรื่อยจนกว่าจะครบทุกตัว สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิโดยเริ่มจากดอกที่ 1 ทางซ้ายมือลงมา คือ สีโพธิ์ดำ ดอกที่ 2 คือสีโพธิ์แดง ดอกที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำก็ได้ให้ผู้ที่ทำตำหนิเอาไว้ด้วยตัวเอง

1. แกะดอก (ตอง 5)
2. แกะดอกเสร็จแล้ว
วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

หลังไพ่ศรชี้ดอกและมุมไพ่เพื่อบอกแต้ม
การทำตำหนิแกะดอกไพ่แบบที่ 3 ดอกที่อยู่ขอบนอก โดยจะเริ่มจากดอกแรกทางซ้ายมือเป็นการแกะดอกทำตำหนิบอกแต้ม ดังนี้ คือ หนึ่งดอกจะมี 4 มุม มุมที่ 1 คือ A มุมที่ 2 คือ 2มุมที่ 3 คือ 2 มุมที่ 4 คือ 4 ส่วนไพ่ดอกที่ 2 จะเริ่มทำตำหนิจากมุมล่างก่อนคือ 5 มุมที่ 2 คือ6 มุมที่ 3 คือ 7 มุมที่ 2 คือ 10 มุมที่ 3 คือ J มุมที่ 4 คือ Q ส่วนไพ่ ไม่ต้องทำ ผู้ที่ทำการแกะดอกทำตำหนิจะรู้ด้วยตัวเอง

หลังไพ่ศรชี้บอกสี
สำหรับการแกะดอกเพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิจากไพ่ดอกแรกนับจากทางขวามือสุด ดังนี้ คือ 1 ดอกจะมี 4 มุม มุมแรกล่างสุดจะเป็นสีโพธิ์ดำ มุมที่ 2 คือ สีโพธิ์แดง มุมที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด มุมที่ 4 คือ สีดอกจิก

1. การแกะดอก (ตอง 5)
2. แกะดอกเสร็จแล้ว
วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาวๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป
หมายเหตุ สำหรับการแกะดอกไพ่แบบรู้แต้มและรู้สีดอกของไพ่ จะมีจุดประสงค์ในการนำมาเล่นไพ่รัมมี่และไพ่ตีแตก เพราะสามารถรู้ไพ่ทุกตัวว่าไพ่ใบนั้น คือตัวอะไร ควรจั่วหรือไม่ควรจั่ว ใครคอยอะไรจะรู้หมด สามารถพลิกแพลงการเล่นได้หลายรูปแบบด้วยกัน
การแกะดอกแบบที่ 4 (ดอกที่อยู่ขอบนอก) (ตอง 2) จะทำการแกะดอกทำตำหนิแบบเริ่มจากซ้ายไปขวาไล่ไปทีละดอก คือ ดอกที่ 1 คือ ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ดอกที่ 4 คือ 4 ดอกที่ 5 คือ 5 ดอกที่ 6 คือ 6 แกะดอกทำตำหนิไปเรื่อยจนกว่าจะครบทุกตัว การแกะดอกจะแกะทั้งด้านบนและด้านล่างโดยจะแกะดอกทำตำหนิแบบทแยงมุม (ดังเช่นในรูป)

1. วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้ม ศรชี้ดอกไล่แต้ม
2. ไพ่วาง 1 ใบ โชว์หลังไพ่ศรชี้ดอกบอกสี
สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะเริ่มจากดอกที่ 1 ซ้ายมือลงมาคือสีโพธิ์ดำ ดอกที่ 2 คือ โพธิ์แดง ดอกที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด ส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำตำหนิก็ได้ ให้ผู้ทำตำหนิจำเอาไว้ด้วยตัวเอง

1. แกะดอก (ตอง 2 )
2. แกะดอกเสร็จแล้ว
วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิ ภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป
การแกะดอกแบบที่ 5 (ดอกที่อยู่ขอบใน) จะทำการแกะดอกทำตำหนิโดยเริ่มจากซ้ายไปขวาเช่นเดียวกันกับการทำตำหนิแบบที่ 1 แต่จะอยู่ภายในขอบด้านใน การกำหนดแต้มจะเริ่มจากไพ่ดอกแรกทางซ้ายมือ คือ ดอกที่ 2 คือ 2 ดอกที่ 3 คือ 3 ไล่ไปเรื่อยจนครบทุกตัว

วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้ม ศรชี้บอกแต้ม
สำหรับการแกะดอกทำตำหนิ เพื่อบอกสีดอกของไพ่จะทำการแกะดอกทำตำหนิ โดยเริ่มจากดอกที่ 1 ทางซ้ายมือลงมา คือ สีโพธิ์ดำ ดอกที่ 2 คือ สีโพธิ์แดง ดอกที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัดส่วนไพ่สีดอกจิกไม่ต้องทำตำหนิก็ได้ ให้ผู้ทำตำหนิจำเอาไว้ด้วยตัวเอง

วางไพ่ 1 ใบ โชว์หลังไพ่ไล่แต้ม ศรชี้ดอกบอกสี
วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป

1. การแกะดอก (ตอง 2)
2. แกะดอกเสร็จแล้ว
การทำตำหนิแกะดอกไพ่แบบที่ 6 ดอกที่อยู่ขอบนอกโดยเริ่มจากดอกแรกทางซ้ายมือ เป็นการแกะดอกทำตำหนิแบบแต้ม ดังนี้ คือ 1 ดอกจะมี 4 มุม มุมที่ 1 คือ มุมที่ 2 คือ 2 มุมที่ 3 คือ 3 มุมที่ 4 คือ 4 ส่วนไพ่ดอกที่ 2 จะเริ่มทำตำหนิจากมุมล่างก่อน คือ 5 มุม ที่ 2 คือ 6 มุมที่ 3คือ 7 มุมที่ 4 คือ 8 ส่วนไพ่ดอกที่ 3 มุมล่างสุด คือ 9 มุมที่ 2 คือ 10 มุมที่ 3 คือ J มุมที่ 4 คือQ ส่วนไพ่ ไม่ต้องทำ ผู้ที่ทำการแกะดอกทำตำหนิจะรู้ด้วยตัวเอง

หลังไพ่ ศรชี้และมุมไพ่เพื่อบอกแต้ม
สำหรับการแกะดอก เพื่อบอกสีดอกของไพ่ จะทำการแกะดอกทำตำหนิจากไพ่ดอกรำนับจากทางขวามือสุด ดังนี้ คือ 1 ดอกจะมี 4 มุม มุมแรกล่างสุด คือ สีโพธิ์ดำ มุมที่ 2 คือ สีโพธิ์แดงมุมที่ 3 คือ สีข้าวหลามตัด มุมที่ 4 คือ สีดอกจิก

หลังไพ่ ศรชี้ดอกบอกสี

การแกะดอก (ตอง 2)
แกะเสร็จแล้ว
วิธีการแกะดอกจะใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมแกะทำตำหนิภายในดอกของไพ่สะกิดให้พอเป็นรอยขาว ๆ ขึ้นมาก็พอ ดังเช่นในรูป
หมายเหตุ สำหรับการแกะดอกไพ่แบบรู้แต้ม ไม่รู้แต้ม และรู้สีดอกของไพ่ จะมีจุดประสงค์ในการนำไปเล่นไพ่รัมมี่และไพ่ตีแตกเพราะเราสามารถรู้ไพ่ทุกตัวว่าไพ่ใบนั้น คือตัวอะไร ควรจั่วหรือไม่ควรจั่ว ใครคอยอะไรจะรู้หมด สามารถพลิกแพลงการเล่นได้หลายรูปแบบ

ยังเล่นได้อีกหรือพี่ คำถามนี้ผมจะเจออยู่บ่อยมาก สำหรับไพ่งานแกะดอกและไพ่งานอื่น ๆ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนถึงถามกันเช่นนั้น คือ ถามเหมือนรู้มาก ฉลาดมาก แต่พอผมเอาไพ่แกะดอกออกมาให้ดูกลับมองไม่รู้ว่าตำหนิอยู่ตรงไหน นี่แหละเขาเรียกว่าพวกอวดรู้ ผมเคยเจอหลายต่อหลายคนที่ชอบพูดดักหน้าเอาไว้ เวลาเข้าไปเล่นตามบ่อนต่าง ๆ ถ้าเล่นโกงกูละก็โดนกระทึบไม่ได้ออกจากบ่อนแน่ ทำเป็นพูดใหญ่โตคนพวกนี้แหละที่จะโดนโกงมากกว่าเพื่อน เพราะประมาทคิดว่าไม่มีใครกล้าโกง พูดเหมือนรู้ว่าการโกงมีอะไรบ้าง แต่จะรู้จริงแค่ไหนเท่านั้นเอง แต่คนพวกนี้หารู้ไม่ว่าพวกเซียนเดินสายนั้นน่ะ เวลาเขาจะเข้าไปเล่นโกงแต่ละที่นั้น เขาจะมีการลองเชิงดูก่อนว่ามีวิธีไหนบ้างที่เขาสามารถโกงได้ เช่น วิธีที่ 1 โกงไม่ได้ก็หันไปใช้วิธีที่ 2 ถ้าโกงไม่ได้ก็หันไปใช้วิธีที่ 3 เป็นต้น และเทคนิคการโกงมีเป็นร้อยวิธี ใครจะไปไล่จับเขาทันล่ะ ขนาดผมเองที่ว่ามีฝีมือขนาดนี้ บางทียังโดนโกงจากเทคนิคเก่า ๆ เช่น ปลิ้นไพ่ใบล่าง หรือพวกตีลังกาสลับไพ่เลย เพราะการที่เราเล่นประมาทหรือคาดไม่ถึงนี่แหละ
มาพูดถึงไพ่งานแกะดอกกันดีกว่า สำหรับไพ่งานแกะดอกนั้น ปัจจุบันยังมีการนำไปใช้เล่นกันอยู่ตามบ่อนต่าง ๆ อยู่ทั่วไป ลักษณะการแกะดอกจะใช้วิธีนำมีดคัตเตอร์ที่มีปลายแหลมคมมาใช้ในการแกะดอกที่บริเวณด้านหลังของไพ่นั้น ๆ ซึ่งมีหลายลวดลายเช่นกัน ส่วนจุดที่ทำตำหนิในการแกะดอกนั้น ผู้ทำจะเป็นผู้กำหนดเองว่าไพ่เบอร์ไหนควรทำตำหนิที่ใดสำหรับการแกะดอกจะมีจุดประสงค์ในการแกะดอก คือ

แกะดอกแบบรู้แต้มและสีดอกของไพ่ ใช้ในการเล่นรัมมี่ ตีแตก

แกะดอกแบบรู้แต้มอย่างเดียว ใช้ในการเล่นป๊อก 8-9 และ เก้าเก

แกะดอกแบบแยกแต้มมากแต้มน้อย ใช้ในการเล่นป๊อก 8-9

ไม่มีความคิดเห็น: