logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563

10 กัวราน่า


คือ อะไร? มีประโยชน์อย่างไร? เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร? เรื่องนี้มีคำตอบกัวรานา เป็นพืชพันธ์ุไม้เลื้อยอยู่ในป่าอเมซอน มีดอกและมีใบใหญ่ มีผลขนาดเล็กสีส้มแดง ภายในมีเมล็ดสีดำ คล้ายๆ กาแฟ นิยมมากแถบ อเมริกาใต้ โดยเฉพาะบราซิล และอุรุกวัย คนพื้นเมืองแถบแอฟริกา และ อเมริกาใต้ ใช้ชงดื่มมาเป็นเวลาหลายร้อยปี

ในปี ค.ศ.1700 นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ทำการแยกสารสำคัญจากกัวรานา ได้สารที่มีรสขมเป็นผลึกสีขาว และได้ตั้งชื่อสารนี้ว่า กัวรานีน (Guaranine) ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คาเฟอีน (Caffeine) ซึ่งเชื่อกันว่า สารกัวรานีน ในกัวรานานั้น มีฤทธิ์เฉพาะที่แตกต่างจากคาเฟอีนทั่วไปที่ได้จากชา หรือกาแฟ ทั้งยังเป็นคาเฟอีนจากธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ประสาท ทำให้ร่างกายตื่นตัวสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความรู้สึกง่วง เพลีย นอกจากนี้ยังพบสารประเภท Natural Phenol ได้แก่ Catechin และ Epicatechin ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยกัวรานาจึงเป็นที่นิยม ด้วยประโยชน์ที่โดดเด่น ทั้งยังดื่มได้บ่อยครั้ง โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ เพราะมาจากธรรมชาติ เหมาะมากกับการทำงานของหนุ่มสาวออฟฟิศ ที่มักจะง่วงหงาวหาวนอนบ่อยๆ ในช่วงเวลาบ่าย หลังจากทำงานมาตั้งแต่เช้า และเพิ่งทานข้าวมาอิ่มๆไม่ว่าจะทำงาน ประชุม สัมมนา ฯลฯ เมื่อรู้สึกง่วง แต่ไม่สามารถหลับในเวลางานได้ ถ้าได้ตัวช่วยอย่างกัวรานาสกัด รับรองว่าตื่น สดชื่น ลุยงานต่อได้สบาย หรือจะเติมพลัง ตื่น สดชื่น เพื่อไปสนุกกับกิจกรรม Out Door ก็เต็มที่ได้สุดๆซึ่งปัจจุบันนี้ มีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัวรานาสกัดให้ดื่มง่าย ด้วยรสผลไม้ หรือเพิ่มประโยชน์เข้าไป เช่นวิตามินต่างๆ ก็จะยิ่งเพิ่ม ความตื่น สดชื่นได้มากขึ้น จัดเป็นเทรนด์ใหม่ของเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน ที่เปลี่ยนมาผสมคาเฟอีนจากธรรมชาติ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้อย่างดี ทั้งยังให้ทางเลือกใหม่กับคนยุคใหม่ ได้ลองเปลี่ยนจากเครื่องดื่มคาเฟอีนแบบเดิมๆ มาสัมผัสความตื่นในแบบของกัวรานาสกัดอีกด้วยเห็นไหมว่า “กัวรานา” ชื่อแปลกๆ แบบนี้ แต่ประโยชน์เข้าท่า แก้ง่วงเข้าที แถมไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแบบนี้ คงเปิดใจคนรุ่นใหม่ หลายคนที่รักสุขภาพ ให้อยากหันมาลองดื่มบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ

สารสกัดในกัวรานา(Guarana)
  • ในปี ค.ศ.1700 นักพฤษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ทำการแยกสารสำคัญจากกัวรานา ได้สารที่มีรสขม เป็นผลึกสีขาว และได้ตั้งชื่อสารนี้ว่า กัวรานีน (Guaranine) ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คาเฟอีน (Caffeine) 
  • ทุกวันนี้ก็ยังเชื่อกันว่า กัวรานีน มีสารออกฤทธิ์เฉพาะ ที่แตกต่างจาก คาเฟอีน 
  • ในผลลูกเล็กสีส้มแดงภายในมีเมล็ดสีดำ เมล็ดกัวรานาให้ ประกอบด้วยคาเฟอีน(caffeine) ประมาณ 4-8% (25,000 to 75,000 ppm) และในเมล็ดกัวรานา อุดมด้วย แทนนิน(tannins), ทีโอฟิลิน(theophillin), ทีโอโบรไมด์ (theobromine), อัลคารอยด์(alkaloids), วิตามินซี(vitamin C), วิตามินบีรวม(complex of vitamins B), 5% to 25% tannin, 3% fats, 5-6% starches, 7% resin, a saponin, mucilage, choline and pigments
  • คาเฟอีน ส่วนใหญ่สกัดได้จาก ชา หรือ กาแฟ แต่ก็ยังมีแหล่งคาเฟอีนอื่นๆตามธรรมชาติอีก เช่น เยอร์บามาเท (Yerba Matte)  พืชโคล่า (Kola Nuts) และ กัวรานา(Guarana)
  • คาเฟอีน มีฤทธิ์ กระตุ้นเซลล์ประสาท ทำให้ร่างกายตื่นตัว ลดความรู้สึกอ่อนเพลีย ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และ ความดันเลือดสูงขึ้น
  • พบสารประเภท Natural Phenol ได้แก่ Catechin และ Epicatechin ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  • กัวรานีน จากกัวรานาสกัด ก็เทียบเท่ากับ คาเฟอีน ดังนั้นคำแนะนำในวงการแพทย์ที่ ให้กินคาเฟอีนไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม (0.3 กรัม) ก็ควรนำมาพิจารณาใช้ แม้งานวิจัยจะบอกว่าขนาดของคาเฟอีนที่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเรา คือ 6-7 กรัม ขึ้นไปก็ตาม
10 ประโยชน์เน้นๆ จากกัวรานาที่คุณควรรู้
(1) ขึ้นชื่อมาก เรื่องแก้ง่วง กระตุ้นตื่น สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เพราะมีคาเฟอีน 3 เท่าของกาแฟ
(2) เป็นคาเฟอีนจากธรรมชาติ ดื่มได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
(3) ประเทศในแถบอเมริกาใต้ นอกจากกาแฟ จะนิยมดื่มกัวรานา เพราะช่วยเพิ่มพลัง ต่อสู้กับความเมื่อยล้า เพิ่มความแข็งแกร่ง และอดทนให้แก่ร่างกาย
(4) กัวรานามีสารการาไนต์ เพิ่มความสดชื่น เพิ่มพลังงาน บำรุงสมอง และเพิ่มสมาธิยาวนานมากขึ้น
(5) กัวรานามีสารโพลีฟีนอล ที่ช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกายจากการสูบบุหรี่ รวมทั้งสารอื่นๆ ที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหาร และระบบหมุนเวียนเลือด
(6) ทำให้ร่างกายสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ไม่ง่วงซึม หรือเคร่งเครียดจนต้องพึ่งพาบุหรี่
(7) งานวิจัยจากแพทย์ในอเมริกาพบว่า สารสกัดจากเมล็ดกัวรานา ช่วยให้ผู้ที่ติดบุหรี่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้
(8) สำหรับที่อินเดีย นิยมใช้กัวรานารักษาอาการไข้ โรคไมเกรน (Migraine) ตะคริว (Cramps) และใช้เป็นเครื่องดื่มชูกำลัง
(9) สำหรับที่สหรัฐอเมริกา ยังใช้กัวรานาแก้อาการอ่อนเพลีย ทำให้รู้สึกสดชื่น และช่วยลดน้ำหนัก
(10) กัวรานา ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และอุดมด้วยวิตามินต่างๆ มีใยอาหารซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายดี และช่วยล้างสารพิษในลำไส้
(11) ช่วยปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุล ทำให้อารมณ์ดี พร้อมสำหรับการเรียนรู้ ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ หรือใช้ความคิดสร้างสรรค์

นอกจากนี้ประโยชน์ของกัวราน่าต่อร่างกายในด้านอื่นๆ มีมากเช่นกันได้แก่ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินต่างๆ มีกากใยช่วยในการย่อยอาหารซึ่งผลดีต่อระบบขับถ่าย และช่วยชำระล้างสารพิษในลำไส้ด้วย ปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุล ลดความหดหู่ช่วยให้เกิดสมาธิ และความพร้อมในการเรียนรู้ ช่วยให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ป้องกันและบรรเทาโรคต่างๆ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ หอบหืด ไมเกรน โดยกัวราน่า มีสารการาไนต์ ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยให้ต่อมที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลและเกลือแร่ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสดชื่น เพิ่มพลังงาน บำรุงสมอง ช่วยให้ผู้ที่ทำงานมีสมาธิมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยระงับอาการอยากบุหรี่และอยากกาแฟได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยในการขับสารพิษตกค้างในร่างกายอันมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งได้แก่ สารนิโคติน ทาร์ และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ตลอดจนสารอื่น ๆ ที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหารและระบบหมุนเวียนเลือด เช่น สารตะกั่ว สารกัมมันตรังสี สารหนู สารฟอมาลดีไฮด์ ฯลฯ เมื่อสารต่าง ๆ ดังกล่าวถูกชะล้างออกไปก็จะทำให้ร่างกายสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ไม่ง่วงซึม หรือเคร่งเครียดจนต้องพึ่งพาบุหรี่ โดยสรุปแล้ว กัวรานามีประโยชน์มากมาย แต่ขึ้นชื่อที่สุดเรื่องกระตุ้นตื่น แก้ง่วง และที่สำคัญไปกว่านั้น กัวรานายังเป็นคาเฟอีนจากธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากคาเฟอีนทั่วไป

เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 เนื้อทองคำ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้


เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 เนื้อทองคำ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้

วันนี้โชคดีที่แฟนคลับได้นำพระเครื่องมาให้ชม มีหลายองค์ที่น่าสนใจเพื่อนำมาถ่ายทอดให้เป็นองค์ความรู้กันครับ 
หยิบพระเครื่องชุดแรกออกมาให้ชม เห็นเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี 2508 เนื้อทองคำ
 รีบคว้าขึ้นมาชมทันที มีหลายเหรียญ พลิกไป พลิกมาปรากฏว่ามีเหรียญหนึ่งแท้ อีกเหรียญหนึ่งเก๊ เลยขออนุญาต
 เจ้าของเหรียญนำมาถ่ายทอดให้เป็นองค์ความรู้กันครับ
อันเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี 2508 จัดได้ว่าเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในหมู่ข้าราชการ ยิ่งฤดูกาลแต่งตั้งเป็นต้องเสาะหามาบูชากัน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการแข่งขันดำรงตำแหน่งให้สูงยิ่งขึ้น ที่กล่าวมานั้นหมายถึงแค่เหรียญทองแดง หรือ เหรียญเนื้ออัลปาก้าเท่านั้นครับ ถ้าเป็นเนื้อทองคำด้วย หายห่วงครับ หาชมได้ยากมาก คะเนว่าสร้างกันไม่ถึง 20 เหรียญเท่านั้น ราคาเช่าหาสำหรับเหรียญสวยๆเนื้อทองแดงในปัจจุบันยังว่ากันแสนไกล แล้วเนื้อทองคำจะเท่าไรกัน
ผู้เขียนได้นำรูปภาพ เหรียญแท้ และเหรียญเลียนแบบ มาให้ชมเปรียบเทียบกันทั้งหน้าและด้านหลัง
 น่าเสียดายเล็กน้อยที่เจ้าของพระถ่ายรูปเฉพาะ ด้านหน้าและด้านหลัง มาให้ชมเท่านั้น
 ไม่ได้ถ่ายด้านขอบข้างเหรียญมาให้ ได้แต่นำเหรียญจริงมาให้ส่องเท่านั้น ดังนั้นได้แต่บรรยายให้เท่านั้นครับ
เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้เนื้อทองคำเหรียญนี้ เป็นเหรียญที่ผ่านการตัดหูในตัวออกไป
 แล้วมาเชื่อมห่วงใหม่ เข้าใจว่าคงตัดหูเหรียญทิ้งไปเมื่อคราวเลื่ยมพระครั้งแรก
ความสวยงามที่ปรากฏต่อสายตา ด้านหน้านั้น การแกะรายละเอียดสวยจริงครับ ต้องบอกว่าเหรียญแท้นั้น ช่างแกะ
 แกะรายละเอียดได้สมจริงมาก ตั้งแต่พระพักตร์ ลงมา เส้นกล้ามเนื้อ ลงรายละเอียดเสมือนจริงมาก
 แม้กระทั่งสังฆาฏิยังมีเส้นสายที่ไล่เลียงลงมา เมื่อเอียงส่องจะเห็นเป็นลวดลายทั้งเส้นขวางและเส้นขนแมวบางๆ 
ตรงลงมาจากด้านบน 
เส้นผ่าปากคมชัดวิ่งยาวทะลุตัวอักขระ
จุดพิจารณาด้านหน้าเหรียญ
1.เริ่มจากด้านบนของเหรียญเสมา ในช่องไฟตารางจะเห็นเส้นขนแมวคมๆลางๆปรากฏอยู่ในร่องทั้งสองฝั่ง
2.เส้นขนแมวด้านบนฝั่งขวาขององค์พระจะคมชัด น้ำหนักของเส้นจะหนังไปเบา(จากขอบลายกนก) และระหว่างช่องของตัวอักขระบนสุดกับศีรษะหลวงพ่อฝั่งขวามือจะปรากฏเส้นเล็กๆบางเหมือนเป็นลักษณะลูกคลื่นเล็กๆ
3.ในตำแหน่งฝั่งขวามือระหว่างข้างเส้นขอบซุ้มกับอักขระตัวที่สองและสามจะเห็นเส้นขนแมวบางๆ 3 เส้น
4.ในร่องหน้าผากจะปรากฏเส้นขนแมวเล็กคมบางปรากฏอยู่
5.ในตำแหน่งอักขระข้างหัวไหล่ฝั่งขวาจะมีเส้นขนแมวคมบาง 2 เส้นพาดเฉียง
6.ปลายงวงช้างฝั่งซ้ายมือองค์หลวงพ่อ จะมีเส้นขนแมวพาดยาวลงมาถึงหัวเข่าซ้ายองค์พระ
7.ปลายนิ้วมือซ้ายของหลวงพ่อจะมีเส้นแตกคม
8.ในบริเวณร่องหัวเข่าซ้ายจะมีเส้นขนแมวคมๆ บางๆ
9.ใต้ตัว "ใ" จะมีเส้นขนแมวบางๆวิ่งไปหาขอบเหรียญ
10.ฝั่งขอบซ้าย-ขวา ด้านล่างเมื่อพลิกส่องดูจะเห็นจุดเล็กๆ ตามขอบด้านใน
พลิกกลับมาดูด้านหลังบ้างครับ ความคมชัดของการแกะแม่พิมพ์ถือว่าเสมือนจริงมาก เส้นเกศา คมชัด เส้นหน้าผากละเอียดอ่อน อ่อนช้อย มีเส้นขนแมวคมๆ ดวงตาท่านคมชัดเสมือนจ้องมาที่เรา รายละเอียดของจีวร สังฆาฏิคมกริบ มีมิติทุกส่วน ซึ่งต่างจากของเลียนแบบโดยสิ้นเชิง
จุดพิจารณาด้านหลัง
1.บริเวณใต้หูเหรียญ ตรงอักขระตัวกลางมีร่องรอยของการปั๊มปรากฏอยู่เป็นเส้นบางๆ
2.เส้นเกศาคมชัดเสมือนจริง
3.เส้นหน้าผากคมชัด
4.มีติ่งแหลมที่ปลายอักขระทั้งสอง ฝั่งซ้ายของอาจารย์ทิม(เอียงส่อง)
5.เส้นคมๆ 2 เส้นติดกับอักขระ ข้างใบหูฝั่งขวา
6.เส้นคมยาวใต้อักขระบริเวณใกล้หูฝั่งซ้าย
7.เส้นขนแมวบริเวณเหนือไหล่ขวา
8.เส้นกล้ามเนื้อคมชัดอ่อนช้อยในร่องไหปลาร้าฝั่งขวา
9.เส้นขนแมวคมๆใต้ตัว "ภ"วิ่งลงไปหาตัว "ศ"
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเหรียญแท้ และเหรียญเก๊ จะเห็นได้ว่า เหรียญเก๊ฝีมือพยายามทำตำหนิให้เหมือนมากที่สุด 
แต่ก็ยังไม่สามารถทำในจุดขนแมวบางๆ ที่ปรากฏขึ้นได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจากการแกะแม่พิมพ์
และแต่งแม่พิมพ์โดยช่างแกะที่พยามยามออกแบบให้สวยงามที่สุด
ประกอบกับเครื่องจักรที่ใช้ปั๊ม น้ำหนักที่ใช้ กับความมาตรฐานของเครื่องปัจจุบันก็ต่างกัน ขอบข้างนั้น 
เหรียญเนื้อทองคำเป็นเหรียญเลื่อยข้างและแต่งขอบหลังจากเลื่อยเสร็จแล้ว
เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี สร้างปีพ.ศ.2508  ในโอกาสที่ท่านอาจารย์ทิม
ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโทพัดขาว ฝ่ายวิปัสสนา (ท่านได้รับได้รับพระราชทานสัญญาบัตร
เป็น พระครูสัญญาบัตร ชั้นตรี เมื่อปีพ.ศ.2499 มีนามว่า พระครูวิสัยโสภณ)
จำนวนการสร้างของเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ปี พ.ศ.2508 มีหลายเนื้อคือ เนื้อทองคำประมาณการกันว่า
สร้างไม่เกิน 20 เหรียญ  เนื้อเงินแค่หลักร้อย เนื่้ออัลปาก้า 3,000 เหรียญ อัลปาก้าชุบนิเกิ้ล 10,000 เหรียญ
 อัลปาก้าชุบนิเกิ้ลไม่มีเส้นผ่าปาก 10,000 เหรียญ ทองแดง ไม่เกิน 2,000 เหรียญ