logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Hide Folder_ซ่อนแฟ้ม(ลับ) อิอิ

เราสามารถสร้างโฟลเดอร์ใหม่ขึ้นมา
แล้วทำให้มันหายไป
โดยจะสร้างไว้ที่ไหนก็ได้
ทำเพื่ออะไรครับ
อ้อ...ก็เพื่อเอาไว้เก็บอะไรก็ได้ที่เราไม่อยากให้ใค รรู้ใครเห็น
โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมซ่อนโฟลเดอร์ตัวอื่น ๆ

สำหรับตัวอย่างที่ผมจับภาพมาให้ดูนั้น
ผมลองสร้างไว้ที่ Desktop เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเท่านั้น
ขั้นตอนมีดังนี้
แก้ไขใหม่นะครับ เนื่องจากว่ารูปเดิมมันหายนะครับ
ผมจึงเขียนวิธีทำลงไปให้ด้วยละกัน เผื่อหายอีก
1. สร้าง folder ใหม่ โดยการคลิ๊กขวา แล้วเลือก New folder



2.เปลี่ยนชื่อ folder ซะเลยตอนที่เปลี่ยนชื่อให้กดปุ่มAlt ค้างไว้นะครับ จากนั้น พิมพ์ ตัวเลข 0160 ลงไป
ตอนนี้เราสามรถปล่อยปุ่ม Alt ได้แล้วครับ จากนั้นให้คุณ กด Enter



3. คลิ๊กขวาที่ Folder เมื่อกี้ เลือก Properties จากนั้นไปที่ เทป Customize แล้วเลือก Chang icon




4. เลือกไปที่ Icon ที่เป็นรูป ว่างๆ นะครับ จากนั้นกด OK จนเสร็จ



5. คุณจะเห็นว่า folder มันหายไปแล้วละครับ



6. อยากซ่อนไฟล์ไหนก็ เอาไฟล์ไปใส่ใน folder นี้ได้เลย แต่อย่าซ่อนจนลืมซะเองล่ะ 555 

How to Rename Multiple Files in Window XP with Windows Explorer


บทความนี้เป็นการนำเครื่องมือที่มีอยู่แล้วใน windows XP
มาใช้งานในการเปลี่ยนชื่อไฟล์จำนวนมาก
กรณีรุ่นอื่นใช้แทนได้ก็โปรดตอบด้วย
แทนการ download โปรแกรมเปลี่ยนชื่อไฟล์ซึ่งมีจำนวนมากมาใช้งาน
สำหรับเครื่องที่ต้องการใช้งานจากโปรแกรมที่มีอยู่แล้ว
หรือบางหน่วยงานมักจะมีการ Block
การ Download หรือการเกรงว่าจะมี Trojan หรือ Virus
แถมมาพร้อมกับการติดตั้งโปรแกรม
อันดับแรกไปดูคำอธิบายของ Bill Gates
ที่ search พบในการตอบคำถามของ windows


1 
ก็ลองอ่านดูแล้วทำตามก็ได้หรือตามภาพนี้เลยครับ


2


หลังจากเลือก Folder ที่บรรจุไฟล์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ
ส่วนมากมักจะเป็นไฟล์ภาพต่าง ๆ ที่จัดเก็บไว้จำนวนมาก
วิธีการคือ กด Ctrl (Control) ค้างไว้ก่อน
แล้วกด Shift เพื่อลากลงมาสำหรับไฟล์ที่เรียงกัน
กรณีต้องการเลือกที่ละภาพ
ก็กด Ctrl (Control) ค้างไว้ก่อน
แล้วใช้ Mouse Click เลือกเฉพาะภาพที่ต้องการก็ได้ทีละภาพ
ก็ตามภาพเลยคือ
กรณีไม่ต้องการเปลี่ยนชื่อให้กด Ctrl Z หรือ
Click ที่ Edit เลือกคำว่า Undo delete
ก็จะไม่เลือกทั้งหมด
แต่ก็ต้องเริ่มต้นเลือกใหม่อีกครั้งถ้าต้องการเปลี่ยนชื่อ


 3

จากนั้นก็ให้กด function F2 (ข้างบนสุดของ keyboard)
เลือกเพียงแค่หนึ่งไฟล์ก็พอเพียงแล้ว
ตามภาพตัวอย่างคือเลือกภาพท้ายสุด
Tips ข้อควรระมัดระวัง
อย่าลบจุด หรือชื่อสกุลไฟล์ หรือเปลี่ยนชื่อสกุลไฟล์
เพราะจะทำให้อ่านไฟล์ในสกุลเดิมไม่ได้
ต้องกลับมาแก้ไขชื่อสกุลไฟล์อีกครั้ง


4

สมมุติว่าต้องการเปลี่ยนเป็นชื่อ Baggio
อดีตนักฟุตบอลอิตาลีที่ทอปฟอร์มในอดีตสมัยบอลล์โลก
ก็พิมพ์คำว่า Baggio เพียงคำเดียวที่ปรารถนา
 ตามภาพเลยครับ

baggio


สักพักใหญ่ก็จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนชื่อเป็น
Baggio ตามลำดับที่โปรแกรมนี้จะจัดให้


baggio2


คราวนี้ก็จะได้ไฟล์ที่ตั้งชื่อตามต้องการ
จำนวนสิบภาพตามตัวอย่าง

ขอมอบบทความนี้แทนคำขอบคุณสำหรับ
ผู้รุ้/ผู้เชี่ยวชาญที่ได้ตอบปัญหาต่าง ๆ ใน
www.pantip.com/tech/basic
www.pantip.com/tech/software


ขอให้มีความสุขในการเปลี่ยนชื่อไฟล์จำนวนมาก
และได้ชื่อไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงตามปรารถนา

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Titanic 100 Year [British Liner Titanic]

British Liner Titanic อัปปางในปี 1912 อาร์เอ็มเอส ไททานิก (RMS Titanic) หรือ เอสเอส ไททานิก (SS Titanic) คือชื่อเรือเดินสมุทรของบริษัทไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1909 สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1911 ที่เบลฟาสท์, ไอร์แลนด์ (Belfast, Ireland) พร้อมๆ กับเรือคู่แฝดที่ชื่อว่า อาร์เอ็มเอส โอลิมพิก (RMS Olympic) ซึ่งเบากว่าไททานิกถึง 1000 ตัน ลักษณะเฉพาะของเรือ ไททานิกเป็นเรือที่เปิดศักราชใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเรือเดินสมุทร เนื่องจากเป็นเรือลำแรกๆ ของโลกที่สร้างโดยโลหะและรองรับผู้โดยสารได้ถึง 2433 คน ยาว 269.0622 เมตร กว้าง 28.194 เมตร หนัก 46328 ตันอิมพีเรียล(47071434.4681 กิโลกรัม) แบ่งเป็น 9 ชั้น เรียงจากชั้นบนลงชั้นล่างได้ดังนี้ 9.ดาดฟ้า สงวนไว้ให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่ง มีปล่องไฟ 4 ตัว สูงตัวละ 19 เมตร เครื่องยนต์ 3 ตัว หมุนใบจักร 3 ใบ รวม 50000 แรงม้า เร่งความเร็วเรือได้สูงสุด 24 น็อต(44.448 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ห้องเครื่องทั้ง 16 ห้องมีกำแพงสูงถึงชั้น F และมีประตูกลซึ่งจะปิดลงมาทุกบานทั่วลำเรือเมื่อพบเหตุผิดปกติที่ห้องเครื่องใดห้องเครื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าหากไม่เกิดรอยรั่วในหลายห้องเครื่องจนเกินไป ตามหลักการลอยตัวแล้ว เรือจะไม่จม ถึงแม้จะเป็นจุดอ่อนที่สุดของเรือซึ่งก็คือหัวเรือ ก็ยังรับรอยแตกได้ถึง 4 ห้องเครื่องติดกันโดยไม่จม แต่ว่าเรือสำรองช่วยชีวิตหรือเรือบดนั้นเพียงพอสำหรับผู้โดยสารเพียง 1178 คนเท่านั้น การเดินทางครั้งแรก เริ่มการเดินทางที่ เซาแธมทัน, อิงแลนด์ (Southampton, England) ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 ควบคุมโดยกัปตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ (Edward J. Smith) เพื่อเดินทางไปยังนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา ในการเดินทางครั้งนั้น มีผู้เดินทางรวมทั้งหมด 2217 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารชั้น 1, ผู้โดยสารชั้น 2, ผู้โดยสารชั้น 3 และลูกเรือ วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ขณะเดินทางอยู่ทางใต้ของแกรนด์แบงค์ ของนิวฟันด์แลนด์ เวลา 23.39 น. เวรยามที่เสากระโดงแจ้งว่าได้พบภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าเรือ ลูกเรือจึงได้เลี้ยวลำเรือเพื่อหลบเลี่ยง แต่เนื่องจากใบจักรและหางเสือที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของเรือ ทำให้ผู้บังคับเรือซึ่งยังไม่ชินกับการบังคับเรือใหญ่ขนาดนี้ทำให้กะขนาดการเลี้ยวผิด และชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง ที่ 41 องศา 46 ลิปดาเหนือ 50 องศา 14 ลิปดาตะวันตก เมื่อ23.40 น. เรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวาหัวเรือ ซึ่งเป็นจุดอ่อนทนรอยแตกได้ไม่อึดเท่าจุดอื่นๆ และห้องเครื่องส่วนหัว 5 ห้องเครื่องแรกก็เกิดรอยรั่ว แต่หัวเรือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเรือที่สามารถรับรอยแตกต่อเนื่องจากหัวเรือได้เพียง 4 ห้อง วิศวกรผู้สร้างเรือบอกว่า น้ำจะท่วมห้องเครื่องทั้งห้าสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อท่วมมิดชั้นF เริ่มไหลขึ้นชั้นE น้ำจึงเข้าท่วมห้องเครื่องที่ 6 และท่วมไปทีละห้องๆ และจมในที่สุด ลูกเรือก็คิดว่าเรือคงจะจมเร็วมาก จึงปล่อยเรือบดออกทั้งๆที่ยังใส่คนไม่เต็มลำ เวลา 02.20 น. ของวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เรือทั้งลำจมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ผู้โดยสารและลูกเรือ 2217 ชีวิต รอดชีวิตเพียง 704 ชีวิต เสียชีวิตทั้งหมด 1513 ราย เวลาประมาณ 04.20 น. เรือโดยสารขนาดใหญ่ชื่อ "อาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย" (RMS Carpathia) ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือบดทั้งหมด และพาสู่นิวยอร์ก ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1912 จากนั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1985 ซากเรือไททานิคได้ถูกค้นพบอีกครั้ง สาเหตุการสร้างเรือไททานิค วันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1906 สายการเดินเรือ ไวต์ สตาร์ ได้ปล่อยเรือ Adriatic เป็นเรือลำสุดท้ายของโครงการต่อเรือลำใหญ่ 4 ลำ ที่ถูกดำเนินการต่อเรือทั้งหมดที่อู่ต่อเรือ Harland & Wolff of Belfast เรือทั้งสี่มีขนาดกว่า 20000 ตัน เน้นการออกแบบภายในเรือที่สะดวกสบาย โดยเรือลำแรกของโครงการดังกล่าว คือเรือ Celtic ปล่อยลงน้ำครั้งแรกในเดือนเมษายน ค.ศ. 1901 ตามมาด้วยเรือ Dedric ที่มีขนาดใหญ่กว่า และตามด้วยเรือ Baltic ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในยุคนั้น 23884 ตัน สายการเดินเรือไวต์สตาร์นั้น เชื่อเสมอว่าคนทั่วไปสามารถโดยสารกับเรือได้นาน ถ้าเรือนั้นมี ความเพรียบพร้อมในการบริการที่ดีเยี่ยม สะดวกสบายราวกันอยู่บ้าน และความเร็วเรือที่ได้ต้องใช้เชื้อเพลิงซึ่งเป็นถ่านหินจำนวนมาก ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม (ไวต์สตาร์เป็นพวกนักอนุรักษ์) ดังนั้นเรือทั้งสี่ลำนี้จึงมีความเร็วบริการประมาณ 16.5 น็อต(30.558 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งความเร็วระดับนี้น้อยเกินกว่าจะสู้เรือของสายการเรืออื่น ๆ ได้ สายการเดินเรือคูนาร์ด ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญได้มีเรือลำยักษ์ 2 ลำ คือเรือ Lustania ต่อขึ้นในอู่ต่อเรือ John Brown และออกบริการในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1907 และเรือ Mauretania ที่ต่อขึ้นในอู่ต่อเรือ Tyneside ในออกบริการในเดือนกันยายน ปีเดียวกัน หรือหนึ่งปีถัดมาของการปล่อยเรือ Adriatic ลงน้ำ ทั้งคู่มีขนาดกว่า 30000 ตัน แล่นด้วยความบริการ 23.99 นอต(44.42948 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) มากกว่าเรือ Adriatic ประมาณ 7 นอต(12.964 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เป็นเรือแฝดรุ่นใหม่ที่ล้ำหน้ากว่าเรือ 4 ลำของไวต์สตาร์ ทำให้เรือสายการเดินเรือไวต์ถูกแย่งตำแหน่งเรือขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไปครอง และยังรับตำแหน่งเรือเดินสมุทรที่เร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ทำให้ไวต์สตาร์ หาหนทางในการ แย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดให้ได้มากที่สุด ในปีที่เรือแฝดคูนาร์ดออกบริการนั่นเอง บุคคลสำคัญของสายการเดินเรือไวต์สตาร์ได้ร่วมจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้าน downshire Belgrave Square ในกรุงลอนดอน เพื่อร่วมกันคิดรูปแบบเรือลำที่ดีกว่าเรือแฝดคู่นั้น และนั่นก็เป็นสาเหตุในการต่อเรือไททานิก โครงการต่อเรือของไวต์สตาร์เป็นการต่อเรือขนาดใหญ่ 3 ใบเถา เน้นรูปแบบการบริการของสายการเดินเรือที่หรูหราเป็นหลักความเร็วเป็นรอง เรือลำแรกชื่อ Olympic (อันที่จริงจะตั้งเป็นลำสุดท้ายแต่เปลี่ยนเป็นลำแรก) ลำที่ 2 Titanic และสุดท้าย Gigantic(หลังโศกนาฏกรรมไททานิกได้เปลี่ยนชื่อเป็น Britannic แทน คงเป็นเพราะกลัวเรื่องชื่อที่มีความหมายคล้ายและออกเสียงคล้าย Titanic) ในการออกแบบขั้นต้นเรือทั้ง 3 ลำมีโครงสร้างออกแบบคล้ายคลึง (แบบเดียวกัน) จะต้องมีขนาดใหญ่กว่าเรือแฝดของคูนาร์ด ขับเคลื่อนด้วย 2 ใบจักร 2 เครื่องยนต์กระบอกสูบ แต่ต่อมาเพิ่มเครื่องยนต์เทอร์ไบน์อีกกลายเป็น 3 ใบจักร เนื่องจากเรือรุ่น 4 ลำก่อนมีเพียง 2 เครื่องยนต์สามารถทำความเร็วได้แค่ 16.5 นอตเท่านั้น ในขนาดที่เรือคู่แข่งมี 4 เครื่องยนต์ ให้เรือทั้งสามมีเสากระโดงเรือ 2 หรือ 3 แห่ง ปล่องไฟ 3 ปล่อง แต่ต่อมาเพิ่มเป็น 4 ให้เท่ากับจำนวนปล่องบนเรือ Mauretania และ Lusitania เพิ่มให้เรือดูสมดุล (หลอกว่ามีกำลังขับเคลื่อนสูง) และไว้ใช้ระบายอากาศภายในเรือ





วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้จริง เรื่องมือถือ ทุกข้อสงสัย ++แวะ ชมก่อนได้ครับ++


เบื้องหลังการผลิตมือถือ
เรื่องราวเหล่านี้ขอบอกเลยว่าได้มาจากเวปเอ็มไทยผู้โพสคือน้องPrincess trey ถือว่าเป็นบทความที่ดีและสำคัญยิ่งต่อเราทุกคน ผมเคยอ่านแบบผ่านๆในเวบต่างประเทศต่อก็ไม่ทันได้แปลจับใจความสำคัญของเรื่องเท่าไหร่ โชคดีที่น้องคนนี้เขาเอามาลงในฉบับภาษาไทย ต้องขอบคุณน้องเขาอย่างมาก

1,222,245,200,000 คือ ยอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2551 

จากสถิติ ของ Worldwatch institute ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพย์มือถือ 1 เครื่อง ในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ นับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น 
ทั้งๆที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้ทำอะไรออกมาสนองความต้องการมากนัก และระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้อยเกินไปกว่านั้น 
ในกลุ่มผู้ใช้มือถือที่เห็นเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจ เปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์ และได้ของที่ฉลาดสุดๆอยู่ในมือ 
แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความพอใจที่ได้อินเทรนด์นี้ 
ยอดขายหลายล้านๆเครื่องในแต่ละปี หมายถึง น้ำตา ฝันร้าย 
และ ความตายของชาวคองโกนับล้านชีวิต 
นี่ยังไม่นับรวม การฆาตกรรมหมู่ในป่าลึก , 
ความตายของกอริลล่ายักษ์ ที่อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา 
ตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึงสงครามร้ายแรงที่สุด 
ในประวัติศาสตร์แอฟริกาคือ โคลัมไบต์-แทนทาไลต์ 
หรือแร่โคลแทนที่พบมากในแอฟริกากลาง,แน่นอน...ในคองโก
ด้วยคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทำให้ผงแทนทาลัม 
ที่สกัดได้จากโคลแทน กลายเป็นวัตถุดิบจำเป็นที่อยู่ในมือถือ 
คอมพิวเตอร์,เพลย์สเตชั่นฯลฯ 
โคลแทน กลายเป็น black gold ในขณะเดียวกัน 
สงครามคองโกครั้งที่ 2 ทำให้แร่สีดำชนิดนี้ 
กลายเป็นแร่สีเลือด blood coltan 
เพราะการลักลอบทำเหมืองและส่งออกโคลแทน 
กลายเป็นแหล่งหารายได้ที่เติมเชื้อไฟให้กับAfrican World War 
ในจำนวนประเทศทั้ง8 ที่ติดหล่มสงคราม 
และกองกำลังติดอาวุธกว่า20กลุ่ม 
หลายกลุ่มหาผลประโยชน์จากพื้นที่คองโก 
ที่ประเมินว่ามีแร่โคลแทนมากถึง 80% ของปริมาณโคลแทนในโลก
การดิจิไทซ์โลก ถนนทุกสายจึงมุ่งไปที่พื้นดินของคองโก 
กองกำลังประชาธิปไตย กลุ่มปลดปล่อยรวันดาหรือ FDLR 
ที่มีชาวฮูตูเป็นแกนนำ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด 
ของการทำเหมืองแร่ในคองโกอย่างผิดกฏหมาย 
แม้จะต้องเสี่ยงจากการถูกปราบปรามจากรัฐบาลคองโก 
แต่FDLR และอีกหลายกลุ่ม 
ก็เห็นว่ามันเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าอยู่ดี 

เพราะแทนทาลัมเพียง 1 ปอนด์ทำเงินร่วม หมื่นบาท 
แทนทาลัม 1 ปอนด์ เป็นได้ทั้งตัวเก็บประจุในโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ 
และแปลงเป็น AK-47 พร้อมกระสุนให้กับกองกำลังติดอาวุธ 
หน่ำซ้ำในกระบวนการร่อนแร่หาโคลแทน 
แรงงานที่ถูกบังคับให้ทำเยี่ยงทาส ก็คือเด็กๆคองโกลีส 
ซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในบางพื้นที่ของคองโก 
ในเด็ก 100 คนจะมี 30 คน ที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน 
ไปกับการแยกโคลแทนออกจากเศษหินอื่นๆ
 
เรื่องมือถือเปื้อนเลือดถูกพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน 
บริษัทระ ดับโลกอย่าง Nokia,Ericsson,Moto,Acer ,Compaq 
ออกมาปฎิเสธเสียงแข็งว่า โคลแทนที่ใช้ในการผลิตของตน 
ไม่ได้มาจากคองโก แต่มีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้หามาให้ 
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บอกได้ว่า 
แทนทาลัมในมือถือที่พกติดตัวจนกลายเป็นอวัยวะที่33 
นั้นมาจากคองโกหรือเปล่า 
การตรวจสอบเส้นทางของแทนทาลัมนั้น 
ต่อให้ใช้วิธีตามไปดูถึงที่แบบกบนอกกะลา 
ก็ยังไม่สามารถบอกที่มาได้ 
โคลแทนได้ถูกลักลอบเอาออกนอกคองโก 
เข้าสู่ตลาดมืด และขายทอดต่อไปเรื่อยอีกอย่างน้อย 10 ทอด 
กว่าจะไปถึงผู้จัดหารายใหญ่ ที่บริษัทบิ๊กๆเลือกเป็นคู่ค้า 
ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัตถุดิบ 
มารองรับความต้องการการซื้อมือถือในตลาดโลก 
นอกจากจะมีส่วนสร้างประวัติศาสตร์เลือดให้กับอัฟริกาแล้ว 
ยังส่งผลร้ายต่อสัตว์ป่าด้วย สัตวป่าน้อยใหญ่ กอริล่า และช้างป่านับพัน ถูกฆ่าจากการโดนบุกรุกของมนุษย์เพื่อหาโคลแทน


เพราะในพื้นที่ๆขุดหาโคลแทน มันคือบ้านของ กอริลล่าภูเขา 
ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ ไม่กี่ร้อยตัว 
สัตว์ร่วมวงศ์กับมนุษย์ ที่แสนจะขี้อาย สุภาพ 
ไม่เพียงถูกเหมืองคุกคามถิ่นที่อยู่ 
พวกทำเหมืองยังล่าพวกมันเอาหัว บางทีก็ชำแหละนำเนื้อมากินด้วย

สวนสัตว์ในแอฟริกาหลายแห่ง รณรงค์การรีไซเคิลมือถือ 
เพื่อลดอัตราการใช้โคลแทนในการผลิตมือถือใหม่ 
ด้วยหลังจะชะลอการสูญพันธุ์ของกอริลล่าภูเขาในคองโกได้บ้าง 
แต่ดูเหมือนไม่ทันต่ออัตราการเติบโต 
ของอุปกรณ์ที่เป็น  มากกว่าใช้พูด  แต่ส่วนใหญ่  ก็ใช้แค่พูด  เท่านั้น 
ในทวีปแอฟริกาเอง พิษภัยจากมือถือคุกคามชีวิตและทรัพยากรตัวเอง 
แต่อัตราการใช้มือถือก็เพิ่มขึ้น 1000% 
เช่นเดียวกับจำนวนคนบริสุทธิ์ที่ล้มตายลง 
ในสงครามกลางเมืองคองโก ประมาณการณ์กันว่า 
นับแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปียุติสงครามอย่างเป็นทางการ 
ยังมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงรูปแบบต่างๆถึง เดือนละ 45,000 คน 
หรือ ปีละ 540,000 คน ตัวเลขนี้ยัง ไม่รวมถึง 
ผู้หญิงหลายหมื่นที่ถูกทารุณทางเพศ 
ของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เพียงแต่พวกเธอยังไม่ตาย 
1,222,245,200,000 กับ 540,000 อาจมีหน่วยนับต่างกัน 
แต่อัตราการขยายตัวกลับแปรตามกันอย่างน่ากลัว 
ถ้าความอินเทรนด์ของคุณ นำมาซึ่งตัวเลขที่มีหน่วยศพเพิ่มมากขึ้น 
คุณยังอยากเปลี่ยนมือถือทัชสกรีนมาใช้เล่นอีกสักเครื่องไหม ...!?!
ขอบคุณน้องPrincess trey จากเอ็มไทย และรูปภาพจากgoogle.com

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

FERRARI ENZO

ประวัติรถ Ferrari ENZO

 FERRARI ENZO
รถสูตรหนึ่งนอกสนามแข่ง

ค่ายเฟอร์รารี่นำซูปเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดของตน คือ เฟอร์รารี่ เอนโซ (Ferrari Enzo) เปิดตัวต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในมหกรรมยานยนต์นานาชาติ รายการปารีสมอเตอร์โชว์ประจำปี 2002 ซึ่งกำหนดเปิดให้ประชาชนทั่วไปชมจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม


เฟอร์รารี่รายงานข่าวความคืบหน้าของเฟอร์รารี่ เอนโซ ซูเปอร์คาร์ที่ ถอดแบบมาจากรถแข่งฟอร์มูล่า วัน (F-1) มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ค่าย พีนินฟาริน่าพัฒนารุ่นคอนเซ็ปต์คาร์ออกมา และนำไปเปิดตัวครั้งแรกใน นิทรรศการ "Artedinamica" ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (Museum of Contempory Art:MOT) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะอยู่ในคราบคอนเซ็ปต์คาร์ เฟอร์รารี่เรียกซูเปอร์คาร์ รุ่นนี้ว่า "เอฟ 140 (Ferrari F140)" หรือบางครั้งก็เรียกเป็นชื่อรหัสว่า เอฟเอ็กซ์ (FX)

สื่อมวลชนสรุปวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่เฟอร์รารี่นำเอนโซขณะเป็นคอนเซ็ปต์คาร์ไปเปิดตัวทื่ญี่ปุ่น แทนที่จะเปิดตัวในมหกรรม ยานยนต์ในยุโรปเหมือนรถรุ่นอื่นๆ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญของเฟอร์รารี่ และเอนโซเป็นผลงานการออกแบบของ เคน โอคุยามะ ยอดดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานอยู่กับพีนินฟาริน่าหลายปี และเพิ่งลาออกจากค่ายดีไซน์สปอร์ตคาร์เลื่องชื่อแห่งนี้ เมื่อปีที่แล้ว

สำหรับ ชื่อเป็นทางการ คือ "เอนโซ" เฟอร์รารี่ตั้งเป็นเกียรติแก่เอนโซ เฟอร์รารี่ ผู้ก่อตั้งบริษัทที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 1988

ถอดแบบ เอฟ-1

โฉมภายนอก และองค์ประกอบภายในของเอนโซ พัฒนามาจากรถแข่ง ฟอร์มูล่า วัน หรือรถสูตรหนึ่งเป็นหลัก โดยทีมวิศวกรที่ รับผิดชอบโครงการ ผลิตเอนโซ ได้ไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทีมเฟอร์รารี่ ในสังเวียน ฟอร์มูล่า วัน ชิงแชมป์ รวมทั้ง มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ยอดนักแข่งเจ้าของ แชมป์โลก หลายสมัย และนำมาเป็นส่วนประกอบในการผลิต




โฉมส่วนหน้าของเอนโซเริ่มจากการออกแบบกระโปรง รวมกับปีกข้าง สปอยเลอร์ และช่องดักลม ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า ส่วนของ "จมูก" สะท้อนโฉม ของรถแข่ง เฟอร์รารี่ที่โลดแล่นล่าชัย อยู่ในสนามแข่งได้อย่างชัดเจน

สเตฟาโน คาร์มัสซี่ ผู้เชี่ยวชาญอากาศพลศาสตร์ของเฟอร์รารี่ ที่ดูแลเรื่องดังกล่าวให้เอนโซกล่าวว่า จมูกสไตล์รถสูตรหนึ่งของ เอนโซ ซึ่งรวมทั้งรูปแบบของกระโปรงหน้าที่เป็นการออกแบบ ที่นอกจากต้องการเน้นให้คล้ายกับรถสูตรหนึ่งของเฟอร์รารี่แล้ว ยังเป็น ดีไซน์ที่ช่วยด้านอากาศพลศาสตร์ด้วย โดยเป็นส่วนรับอากาศให้ผ่านเข้าสู่ใต้ท้องรถ เข้าไปปรับศูนย์กลางแรงกดอากาศ พลศาสตร์ไล่สู่ด้านหลัง


ขณะที่การออกแบบใต้ท้องรถส่วนหลัง ก็ช่วยเพิ่มแรงกดให้แก่รถด้วย ส่วนดีไซน์ด้านข้างที่ประยุกต์จากรถสูตรหนึ่ง ได้แก่ช่องระบายความร้อน เบรกขนาดใหญ่ ทั้งบริเวณล้อหน้าและหลัง รูปแบบกระจกบังลมกว้าง แนวเส้น ตัดลงสู่ช่องระบายอากาศล้อหน้า เป็นดีไซน์ที่สื่อมวลชนในยุโรป ระบุว่า คล้ายรูปแบบของรถแข่ง 250 GT ที่เฟอร์รารี่ผลิตออกมาเมื่อปี 1959 ขณะที่ส่วนหลังโดดเด่นด้วยไฟคู่รูปแบบคล้ายไฟมอเตอร์ไซค์ 4 ชุด จัดวางไว้มุมข้างส่วนบนสุดของปีกหลังด้านละ 2 ชุด เป็นดีไซน์คล้ายกับ เฟอร์รารี่ รอสซ่า

โดยภาพรวมแล้ว โฉมภายนอกของเอนโซ เป็นดีไซน์ผสมผสานรูปแบบของเฟอร์รารี่ในอดีต 3 รุ่น ประกอบด้วย 288 GTO (เฟอร์รารี่ผลิตออกมาเมื่อปี 1984) F40 (1987) และ F50 (1995) เหยี่ยวข่าวอเมริกันค่ายหนึ่งให้ความเห็นว่า โฉมของเอนโซ โดดเด่น ตามสไตล์ของรถค่ายนี้ แต่ไม่ใช่รุ่นที่งดงามที่สุดของเฟอร์รารี่ ส่วนห้องโดยสารที่ใช้ความรู้จากเอฟ-1 มาประยุกต์ออกแบบ ได้แก่รูปแบบที่กะทัดรัด คล้ายค็อกพิตของเอฟ-1


ฝีเท้าจัดสุดของม้าป่า

ตัวแทนเฟอร์รารี่เปิดเผยว่า เอนโซ ซึ่งเป็นซูปเปอร์คาร์วางเครื่องกลาง และขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นโปรดักชั่นคาร์ของเฟอร์รารี่ ที่มีความเร็วสูงสุด ตัวเลขระดับความเร็วเต็มสมรรถนะของเอนโซ อยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขุมพลังของเอนโซ เป็นเครื่องวี 12 (V12) ฝาและเสื้อสูบผลิตจาก อัลลอยน้ำหนักเบา ลูกสูบทำมุม 65 องศา 4 วาล์วต่อสูบ หรือ 48 วาล์ว ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ขนาด 6.0 ลิตร ความจุสุทธิ 5988 ซี.ซี. กำลังสูงสุดอยู่ที่ 660 แรงม้า ที่ 7800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 484.6 ฟุต-ปอนด์ ที่ 5600 รอบต่อนาที ใช้ระบบส่งกำลังชนิดกึ่งอัตโนมัติ 6 สปีด ชนิดเดียวกับระบบของรถสูตรหนึ่ง โดยมีชิฟต์สำหรับปรับเปลี่ยน เกียร์ออกแบบไว้ที่พวงมาลัย ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายกว่าเกียร์ชนิดอื่น

สำหรับตัวเลขที่สื่อมวลชนแห่งออโต้วีคจากสหรัฐ ได้จาการทดสอบเอนโซมีดังนี้ ความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่งจากสตาร์ตถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 3.65 วินาทีและเร่งถึง 124 ไมล์ต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 9.5 วินาที โดยเวลาดังกล่าว รถประเภทซีดานโดยทั่วไป สามารถเร่งได้เพียง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น

ส่วนการโลดลิ่วหนึ่งรอบสนามฟิออราโนในอิตาลี ซึ่งเป็นสนามที่เหยี่ยวข่าวอเมริกันใช้ทดสอบเป็นเวลา 4 รอบสนามนั้น เอนโซพิชิตได้ 1 นาที 25 วินาที เร็วกว่าเฟอร์รารี่ เอฟ 50 ถึง 5 วินาที่เต็ม ขณะที่ช้ากว่ารถสูตรหนึ่งของเฟอร์รารี่ รุ่นที่ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ใช้แข่งขันประจำฤดูกาลนี้ประมาณ 30 วินาที

เครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด


เอนโซ ไม่แตกต่างจากเฟอร์รารี่ทุกรุ่นที่ผ่านมา นั่นก็คือ มีเครื่องยนต์ เป็นองค์ประกอบเด่นที่สุด หัวใจของเอนโซ รหัสเอฟ 140 เป็นเครื่องที่ เฟอร์รารี่พัฒนาจากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของตน สามารถเรียกแรงบิดได้สูง 383 ปอนด์-ฟุต ตั้งแต่รอบเครื่องอยู่ที่ 3000 รอบต่อนาที ถึงรอบสูงสุด 8200 รอบต่อนาที
องค์ประกอบสำคัญของเครื่องยนต์ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดของเฟอร์รารี่รุ่นนี้ ประกอบด้วยแคมชาฟท์ขับด้วยโซ่ ก้านสูบ ไทเทเนียม ไอดี และไทมิ่งลูกเบี้ยว ชนิดผันแปร และเป็นเครื่องมีมิติขนาดเล็ก มีน้ำหนักน้อยกว่า 500 ปอนด์ เครื่องยนต์ติดตั้งไว้กับ ซับเฟรมอัลลอย ส่วนหลังเป็นที่จัดวางเกียร์บล็อกซ์และถังน้ำมันหล่อลื่น สำหรับระบบหล่อลื่นแบบแห้ง หล่อลื่นเกียร์ และระบบล็อก อัตโนมัติ (เช่น ระบบล็อกเฟืองท้าย) องค์ประกอบต่างๆ สามารถมองเห็นได้ถนัดเมื่อเปิดฝากระโปรงดูในห้องเครื่อง


สมรรถนะสุดประทับใจ


ออโต้วีคแนะนำการใช้กลไกต่างๆ บนพวงมาลัยจากประสบการณ์ช่วงสั้นๆที่ได้สัมผัสเอนโซไว้ว่า ปุ่มต่างๆบนด้านซ้ายใช้สำหรับปรับระบบที่จะปรากฏข้อมูลบนจอข้างแผงหน้าปัด ขณะที่ชุดขวามือใช้ปรับระบบ ASR หรือระบบปรับการทำงานของกันสะเทือนและระบบส่งกำลัง และอีกปุ่มที่ ระบุ "Race" สำหรับใช้ในเวลาต้องการความเร็วสูงส่วนปุ่มลูกศร อยู่ทาง ด้านซ้าย และด้านขวาก้านพวงมาลัย เป็นปุ่มไฟเลี้ยว และปุ่มสีเงินสำหรับ เกียร์ถอย เหยี่ยวข่าวอเมริกันกล่าวว่าการได้สัมผัสเอนโซ ถือเป็นประสบการณ์ ที่ตื่นเต้นและเลือดสูบฉีดแรง


เนื่องจากเอนโซมีความแรง และว่องไวอย่างน่าทึ่ง ขณะที่การทรงตัว หนักแน่น และมั่นคง ทั้งจังหวะเข้าโค้ง และจังหวะใช้ความเร็วสูง ในทาง ตรง และดิสก์เบรก ขนาด ใหญ่ ของ Brembro ผลิตจากคาร์บอน ก็ทำงาน หยุดความดุดันของเอนโซได้เฉียบคม สมรรถนะของเอนโซดังกล่าว เหยี่ยว ข่าวอเมริกันยกให้เป็นเครดิตของ ระบบกันสะเทือน ที่ทรง ประสิทธิภาพ ยางบริดจสโตนผลิตเป็นพิเศษเฉพาะรถรุ่นนี้ และหลักอากาศพลศาสตร์ ของรถ โดยการพัฒนาหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้เอนโซมีค่า สัมประสิทธิ์ แรงต้านทานกระแสลม หรือค่าซีดี (Cd) เหลือเพียง 0.36

ส่วนอุปกรณ์ปรับหลักอากาศพลศาสตร์ของเอนโซ ทำงานตรงกันข้าม กับชุดของรถโดยทั่วไป แทนที่จะรับแรงกดจากอากาศ ลงสู่ช่วงล่างใน จังหวะรถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดชุดของเอนโซซึ่งประกอบด้วย สปอยเลอร์ หลัง และสปอยเลอร์ปรับอัตโนมัติ อยู่ใต้ท้องรถใกล้กับล้อหน้าจะทำงาน ควบคุมการทรงตัวของรถขณะเข้าโค้ง และจะปรับเป็นกลไกฉุดพลังต่ำ เมื่อ รถวิ่งด้วยความเร็ว มากกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

สเตฟาโน คาร์มัสซี่ ให้เหตุผลว่า การออกแบบให้สปอยเลอร์ทำหน้าที่ รับแรงกดอากาศสู่ช่วงล่างของรถ ในจังหวะที่วิ่งด้วย ความเร็วสูง จำเป็นต้องปรับระดับความหนืดแข็งของสปริง และหากปรับระดับสปริง จะทำให้การวิ่งในระดับความเร็วปรกติเสีย ความสมบูรณ์ อีกทั้งยังจะทำให้การนั่งโดยสารขาดความนุ่มนวลไป

ผลิตตามใบสั่งเท่านั้น

เฟอร์รารี่จะเปิดสายการผลิตเอนโซปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดย จำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 399 คัน กำหนดส่งไป จำหน่ายในสหรัฐ 70 คัน โดยจะส่งรถชุดแรกให้ลูกค้าในเดือนมกราคมปีหน้าสำหรับกระบวนการ ผลิต เฟอร์รารี่จะผลิตตามใบสั่งของลูกค้า โดยลูกค้าในยุโรป เฟอร์รารี่มี โครงการเชิญไปเลือกเบาะนั่ง และเลือกตำแหน่งแป้นบังคับ เพื่อให้เหมาะ สมกับตนเอง ที่โรงงานประกอบของเฟอร์รารี่ในมาราเนลโล ส่วนลูกค้าใน สหรัฐ (ไม่มีข้อมูลเกียวกับลูกค้าเอเชีย) เฟอร์รารี่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้เดิน ทางไปเลือกเบาะและแป้นบังคับที่อิตาลี หรือจะตั้งศูนย์ขึ้นในสหรัฐ เพื่อ ประหยัดค่าใช้จ่ายของลูกค้า
ขนาดและสีของเบาะนั่งมีให้เลือก4ระดับ ขณะที่สีบอดี้ มีให้เลือกเพียง 2 สี คือแดง และเหลือง และคาดว่า เฟอร์รารี่ อาจจะเพิ่มสีดำเข้ามาในอนาคต ส่วนการติดตั้งแป้นบังคับ เฟอร์รารี่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 16 ระดับ เพื่อให้ครอบคลุม ขนาดร่างกายของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขั้นตอนการประกอบ เอนโซ ใช้พนักงานผู้ชำนาญงาน ประกอบด้วยมือทั้งหมด โดย ใช้เวลาประกอบ 4 สัปดาห์ต่อหนึ่งคัน การประกอบเอนโซใช้ เวลานานกว่าการผลิตเฟอร์รารี่ 360 โมเดน่า 575 เอ็ม มาราเนโล และ 456 จีทีเอ โดยโมเดน่า ใช้เวลาผลิตเพียง 4 วัน ขณะที่สองรุ่นหลังใช้เวลาผลิตเพียง 6 วัน

สนนราคาค่าตัว

สำหรับตัวเลขราคาค่าตัวของม้าป่าฝีเท้าจัดจ้านที่สุดรุ่นนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 670,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28.5 ล้านบาท

พระกริ่งโสธร 2500/2508,โสธร รุ่นประวัติศาสตร์80ปีกรมตำรวจ...9ล9








ประวัติวัดโสธรฯ
วัดโสธร อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัด ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2 ก.ม อยู่ริมแม่น้ำบางประกง และติดกับค่ายศรีโสธร ซึ่งเป็นที่ตั้งกองพันทหารช่างที่ 2 (ช.พัน2) ตามหนังสือประวัติพระพุทธโสธร รวบรวมโดย พระมหาก่อเขมทสสี ขณะเมื่อยังเป็นเจ้าคุณพระเขมารามมุนีได้กล่าวว่า เดิมวักโสธรนี้ มีชื่อว่า " วัดหงส์" เพราะที่วัดมีเสาใหญ่มีรูปหงส์เป็นเครื่องหมายติดอยุ่บนยอดเสา วัดนี้สร้างในสมัยไม่ปรากฏ แต่พอจะสันนิษฐานได้ว่าเป้นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง สร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หรือต้นสมัยกรุงธนบุรี ราวปี พ.ศ 2307 มูลเหตุที่วัดนี้ที่ได้ชื่อว่าโสธร มีผู้เฒ่าเล่าสืบกันมาว่าหงส์ซึ่งอยู่บนยอดเสาใหญ่ถูกลมพายุพัดลงมา ครั้นหงส์ตกลงมาแล้วก็เหลือแต่เสาใหญ่จึงมีบุคคลเอาธงขึ้นแขวนแทน เลยเรียกชื่อวัดนี้ว่า "วัดเสาธง" ต่อมาเกิดลมพายุกล้าพัดเสาธงหักโค่นลงมาเป้นสองท่อน ประชาชนที่ถือเอาเครื่องหมายเสาธงหักเป็นท่อนนั้น ตั้งชื่อว่า "วัดเสาทอน" ครั้นต่อมาค่อย ๆ เพี้ยนแล้วห้วนเข้าเลยเรียกกันว่า"วัดโสธร" จนกระทั่งปัจจุบันนี้ นามวัดโสธรนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เคยทรงรับสั่งว่าเป็นนามที่ไพเราะและแปลก ทั้งแปลได้ความดีมาก และทรงสันนิษฐานว่า ผู้ที่ให้ชื่อวัดไว้คงไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่อง ชื่อวัดโสธร หรือวัดโสทร ปรากฏในเรื่องนำเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทราของนายตรี อำมาตยกุล พิมพ์ลงในวารสารปีที่ 6 เล่ม 7 มีข้อความเกี่ยวกับชื่อวีดโสธรนี้ว่า"เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" เสด็จประพาสวัดนี้เมื่อพ.ศ 2451 ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเหล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฏราชกุมาร ยังทรงเขียนชื่อวัดนี้ว่า "วัดโสทร" ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นวัดโสธรเห็นจะเป็นในราวรัชกาลที่ 6 นี้เอง แต่ยังหาหลักฐานวันเดือนปีที่เริ่มใหม่ไม่ได้" อย่างไรก็ตาม ปรากฏในแถลงการณ์คณะสงฆ์เล่ม 6 หน้า 105 พ.ศ 2461 ลงเรื่องระยะทางสมเด็จพระมหาสมณะ เสด็จตรวจคณะสงฆ์ในมณฑลปราจีนบุรี พ.ศ2459 ชื่อวัดโสธรได้เขียนไว้อย่างนี้แล้ว พอจะอนุมานได้ว่าได้เปลี่ยนชื่อวัดโสทรเป็นวัดโสธร ในราวต้นรัชกาลที่6 ฉะนั้นผู้ที่เขียนชื่อวัดโสธร เป็นวัดโสทร ภายหลังปี พ.ศ 2459 แล้ว น่าจะเกิดจากการสะกดผิดมากกว่าที่จะมีเจตนาเขียนเช่นนั้น

เมื่อคราวพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสมณฑลปราจีน ร.ศ127 ได้มีพระราชหัตถเลขาถึงมกุฏราชกุมาร ความตอนหนึ่งเกี่ยวกับชื่อวัดโสธรว่า "กลับมาแวะวัดโสทรซึ่งกรมดำรงฯ คิดจะแปลว่า ยโสธร จะให้เกี่ยวข้องแก่กาลที่ได้สร้างเมื่อเสด็จกลับจากไปตีเมืองเขมร แผ่นดินพระบรมไตรโลกานาถ หรือเมื่อใดราวนั้น แต่เป็นที่น่าสงสัยเห็นด้วยใหม่นัก..." พระราชปรารถตอนนี้ทำให้เกิดความคิดว่าชื่อวัดโสธรนี้จะเป็นการถูกต้องแล้ว หรือโดยได้ทรงระลึกถึงพระที่นั่ง" ยโสธรมหาพิมานบรรยงค์" ในรัชกาลแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง ได้ยกทัพไปตีเมืองเขมร ได้ชัยชนะ ทรงพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติด้วยถ่ายแบบประสาทกับพระที่นั่งในเมืองยโสธร นครธมมาแล้วในกรุงศรีอยุธยา ทำให้สงสัยว่าจะตกตัว"ย" ไปเสียหรืออย่างไร คงเหลือแต่ " โสธร " เท่านั้น แต่ในที่สุดพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงปลงพระทัยจะเชื่อนักเพราะทรงเห็นว่าวัดโสธรนี้ยังใหม่ ดังปรากฏตามพระราชปรารถดังกล่าวข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า " โสธร " กับ "ยโสธรมหาพิมานบรรยงค์" มิใช่เป็นสถานที่แห่งเดียวกัน มีที่มาและความหมายต่างกัน

อนึ่ง อำเภอโสธรที่อยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดโสธรนี้ เมื่อชื่อจะคล้ายคลึงกันก็ตาม คำว่า "ยโสธร" แปลว่าทรงยศ เดิมอำเภอยโสธรเรียกว่า อำเภอยศ เพราะเป็นเมืองชื่อว่ายศสุนทร ตั้งขึ้นในราว พ.ศ 2280 ภายหลังเปลี่ยนเป็นเมืองยโสธรแล้วยุบเป็นอำเภอ เมื่อราว พ.ศ2454
วัดโสธรเป็นวัดราษฏรมาแต่ดั้งเดิม พึ่งได้รับพระราชทานยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร มีนามว่า " วัดโวสธรวรารามวรวิหาร" เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2501

ข้อความจากหนังสืองานประจำปีหลวงพ่อโสธร ปี พ.ศ2505
 สำหรับ ใครที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับพระเครื่อง หลวงพ่อโสธร เข้าไปดูข้อมูลได้ ที่ http://www.sotorn.net  เวปนี้เค้ามีทุกเรื่องเกี่ยวกับ หลวงพ่อโสธร
 
Image
Image
Image



Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image




วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

8 trendy fish tanks to perk up your home decor++

Having fish as pets is a fun way to add more color and life to your living space with the colorful creatures swimming in elaborate fish tanks that can be done up according to your taste. Gone are the days of the conventional rectangular fish tank with its boring looks and design. These days, a lot of innovative fish aquariums/tanks have come into the market, which not only offer amazingly creative designs but can also be incorporated into your homes as a furniture as well! Trendy and modern in appearance these colorful and interesting fish tanks are sure to make your interiors bright with their presence. Here are eight awesome designs of fish tanks for the fish lovers out there!

Maze_เขาวงกต

แค่ได้หลงอยู่ใน เส้นทางวกวน ที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่แห่งใดแค่คิดก้อสนุก ตื่นเต้น+ท้าทาย แล้วเราขอพาท่านสู่ 8ดินแดน แห่งเขาวงกต   


A - Maze อิง



อิงเขาวงกต

Hedge Maze Longleat

Wiltshire, England

ศตวรรษที่ 16 บ้าน Longleat เป็นสถานที่เย็นพอสมควรในสิทธิของตนเอง คฤหาสน์ถูกสร้างขึ้นโดย Canons สีดำของคำสั่งของ St Augustine (เช่นที่Augustinians ) ที่ศาสนาลึกและจะไม่อนุมัติแน่นอนของบรรยากาศสวนสนุก - esque ที่แทรกซึมทรัพย์สินของพวกเขาในวันนี้ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวบ้าน, ผู้เข้าชม Longleat สามารถเดินพื้นดินของ Safari Park และสูญเสียตัวเองในการป้องกันความเสี่ยง Longleat เขาวงกต เขาวงกตที่น่าจะเป็นที่สนุกที่สุดของทุกคนในรีวิวนี้ยากพอที่จะก่อความท้าทายบางอย่างเพื่อให้ปริศนาผู้เชี่ยวชาญและง่ายพอสำหรับทุกคนที่จะหาทางของพวกเขาผ่าน . . ในที่สุด
ป.ล. เคยมีคนใช้เวลาหาทางออกจากสวนแห่งนี้ ถึง 6 ช.ม. มาแล้ว อย่าคิดว่า เป็นเรื่อง กล้วยๆล่ะ 555
 
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง : The Crazy fabulously Hotel Bear /FLY THERE |
Hedge Maze Longleat
Hedge Maze Longleat
[ผ่านทางHoward.Gees ]
อิงเขาวงกต

 

อิงเขาวงกต
อิงเขาวงกต
อิงเขาวงกต
อิงเขาวงกต

ปลูกสับปะรดเขาวงกตโดลการ์เด้น

Wahiawa, ฮาวาย

mazes หลายคนเรียกร้องให้ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เพียงหนึ่งได้รับการเรื่องโดยGuinness Book ของ World Records : สวนสับปะรดโดลการ์เด้นเขาวงกต (ผู้อื่นในการใช้ชื่อใหญ่ที่สุดของโลกไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเขาอาจจะมีเขาวงกตที่มีคุณสมบัติชั่วคราวหรือชนิดของเขาวงกตในคำถาม) เขาวงกตโดคือ 3.15 เอเคอร์ (12,746 ตารางเมตร) ในพื้นที่ทั้งหมดและมีเกือบ 2.5 ไมล์ (4 กม. ) ในการเดินเส้นทาง เขาวงกตสวนตั้งอยู่บนเกาะโออาฮูเป็นแกะสลักจากสวนสับปะรดและเป็นที่แน่นอนจึงเขาวงกตกลิ่นดีที่สุดในโลกเป็นใหญ่ที่สุดในโลก
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง : หรูหราเพียง Huts ฮาวายบีช

โดลเขาวงกตสวนสับปะรด

อิงเขาวงกต

Chateau & Jardins de Villandry

Villandry, France

เราลังเล ได้แก่ Chateau & Jardins ในรายการนี​​้เพราะไม่เหมือนการเลือกอื่น ๆ ของเราผนังของเขาวงกตนี้จะสั้นพอสำหรับผู้ใหญ่มากขึ้นเพื่อดูมากกว่า ยังคงหลงเขาวงกต hedgerows แผ่กิ่งก้านสาขาที่นี่คือความสนุกที่ดี และสิ่งที่ฉากหลังที่ดีคุณสามารถมีสำหรับเขาวงกตกว่าเป็นป้อมปราการสมัยศตวรรษที่ 14 ภาษาฝรั่งเศสที่คู่เป็นมรดกโลกหรือไม่? Villandry, ในแผนกของ Indre - et - Loire ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทาง 90 นาทีรวมรถไฟรถแท็กซี่จากปารีส

Chateau & Jardins de Villandry
Chateau & Jardins de Villandry
อิงเขาวงกต

เบนสันฟาร์ม

Denton, เนบราสก้าสหรัฐอเมริกา

จนกว่าเราจะดำเนินการวิจัยของเราสำหรับจุดโพสต์นี้ stuff เย็นมีความคิดหลายวิธีที่ฟาร์มทั่วอเมริกาตั้งค่า mazes ชั่วคราวในฤดูใบไม้ร่วงที่ไม่มี เกือบทุกรัฐดูเหมือนว่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งและตลอดตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือ mazes ฟาร์มดาษดื่น ในหมู่พวกเขาทั้งหมดเขาวงกต Denton ยืนออกสำหรับขนาดเต็มที่ ในปี 2009 รุ่นของเขาวงกตเดนตันเป็นขนาดใหญ่ 54.4 เอเคอร์ (0.2 ตารางกิโลเมตร) ด้วย 14.9 กิโลเมตร (หรือ 22.5 กม. หรือประมาณครึ่งมาราธอน) ของเส้นทางเดิน นี้จะทำให้เดนตันประมาณ 10 ครั้งใหญ่กว่าเขาวงกตถาวรใหญ่ที่สุดในโลกที่แพลนเทชั่โดล (ดูข้างต้น) เพื่อช่วยให้คุณหาทางของคุณผ่านเขาวงกตมี 10 สัญญาณกระจายอยู่ทั่วทั้งเขาวงกตที่มีสองตัวเลือก - คำถามปรนัยนั้นได้รับสิทธิในคำถามและลูกศรที่เกี่ยวข้องจะนำคุณไปในทิศทางที่ถูกต้องได้รับมันผิดและคุณจะมุ่งหน้า ไม่ได้ผลเขาวงกต เป็นทุกเย็นพอที่เราจะให้อภัยเดนตันแนะนำการตลาดองค์กร (ที่เห็นได้ชัดจากภาพด้านล่าง) เพื่อโลกของเขาวงกต เขาวงกตเดนตันโดยปกติจะเปิดให้บริการตั้งแต่บางครั้งในเดือนกันยายนถึงบางครั้งในเดือนพฤศจิกายนเห็นเว็บไซต์ของพวกเขาเพื่อดูรายละเอียด

เขาวงกตเบนสัน
อิงเขาวงกต

เขาวงกต Ashcombe

Shoreham, วิคตอเรีย

Ashcome มีสิบสวนแกนแตกต่างกัน แต่เขาวงกตป้องกันความเสี่ยงของพวกเขาเป็นที่สุดของพวกเขา เขาวงกตที่มีขนาดไม่ใหญ่โดยเฉพาะ แต่ Achcome ทำงานทุกประเภทของกิจกรรมพิเศษรว​​มทั้งเขาวงกตปริศนาลึกลับและซ่อน gnomes ล่า - เราชื่นชมเขาวงกตที่มีอารมณ์ขัน หลังจากที่แก้ปัญหาเขาวงกตที่ตรวจสอบที่ร้านอาหารเขาวงกต Ashcombe ที่คุณสามารถกินต่อไปไปยังหน้าต่างขนาดใหญ่สามารถมองเห็นวิวสวน

mazes ที่น่าตื่นตาตื่นใจ : เขาวงกต Ashcombe, ออสเตรเลีย
mazes ที่น่าตื่นตาตื่นใจ : เขาวงกต Ashcombe, ออสเตรเลีย
อิงเขาวงกต

เดวิสเขาวงกตเมกะ

สเตอร์ลิง, แมสซาชูเซตประเทศสหรัฐอเมริกา

เช่นเดียวกับที่เขาวงกตเดนตัน (เหนือ) เขาวงกตเมกะเดวิสเป็นหนึ่งในทางออกจากเขาวงกตชั่วคราวเหล่านี้ตั้งขึ้นโดยฟาร์มในฤดูใบไม้ร่วง เขาวงกตเดวิสเป็นส่วนใหญ่ที่เป็นมิตรกับเด็กในรายการนี้ ในความเป็นจริงคุณจะรู้สึกว่าออกจากสถานที่การเยี่ยมชมฟาร์มเดวิสโดยไม่ต้องคนหนุ่มสาวในพ่วง ในปี 2009 เขาวงกตที่มีการเรียงลำดับของอินเดียน่าโจนส์ตรงตามรูปแบบอัศวินยุคกลางคลิกที่นี่สำหรับรายชื่อของเขาวงกตอื่น ๆ รอบ ๆ นิวอิงแลนด์

เดวิสเขาวงกตเมกะ
อิงเขาวงกต

เขาวงกตสันติภาพ

Castlewellan, ไอร์แลนด์เหนือ

เส้นทางไปทางภาคเหนือของไอร์แลนด์ความสงบสุขได้มากเหมือนเขาวงกต ดังนั้นทำไมไม่สร้างเขาวงกตที่แท้จริงเพื่อศิลปะการถ่ายทอดกระบวนการ? นั่นคือสิ่งที่องค์กรหนึ่งองค์กรตัดสินใจที่จะทำหลังจากที่ 1998 ดีสอดคล้องศุกร์สันติภาพ เขาวงกตของพวกเขามีหินก้าว ("ที่จะสอนให้เราใช้เวลาหนึ่งขั้นในเวลา") ซึ่งเป็นสะพานที่ง่อนแง่น ("การแสดงจำเป็นที่จะต้องข้ามและเห็นจุดของบุคคลอื่นในมุมมองของ") และเป็นเส้นทางที่มีหินโรย ("เส้นทางที่ เพื่อความสงบสุขจะไม่ง่าย") ซึ่งแตกต่างจากเขาวงกตมากที่สุดซึ่งเป้าหมายของการที่จะหาทางผ่านวัตถุประสงค์ของเขาวงกตสันติภาพคือการได้รับไปยังศูนย์และการอ่าน"ระฆังสันติภาพ."มันลำบากเพียงเล็กน้อยป้องกัน climactic ให้เราแล้วต้องหันไปรอบ ๆ และหวนกลับขั้นตอนของเรา ยังคงเราขอขอบคุณปรัชญาของเขาวงกตเพื่อสันติภาพ

mazes ที่น่าตื่นตาตื่นใจ : เขาวงกต, สันติภาพไอร์แลนด์เหนือ
อิงเขาวงกต


อิงเขาวงกต
อิงเขาวงกต
อิงเขาวงกต
อิงเขาวงกต

Villa Pisani, Il Labirinto

Stra (Venice), Italy

ถ้าถนนที่คดเคี้ยวของเวนิสจะไม่ชอบเขาวงกตพอสำหรับคุณเช็คเอาท์เขาวงกตที่เกิดขึ้นจริงที่ว่าในบริเวณของ Villa Pisani เขาวงกตที่สร้างขึ้นในช่วงต้น 1700s, เป็นที่คาดคะเนของโลกที่ยากที่สุดในการแก้ปัญหา นโปเลียนตัวเองเป็น apparently ในหมู่บรรดาผู้ที่ถูก flummoxed โดยเขาวงกตนี้ พื้นที่ของการที่ Villa Pisani นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ, ร้านกาแฟที่ยอดเยี่ยมและคฤหาสน์ที่ 18 ต้นศตวรรษที่

Amazing Mazes: Villa Pisani, Venice, Italy
Amazing Mazes: Villa Pisani, Venice, Italy
 อ้างอิง จาก  http://travel.spotcoolstuff.com/world-amazing-mazes