logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Tachymeter บนนาฬิกา ใช้งานอย่างไร

Tachymeter คืออะไร และใช้งานอย่างไร

Tachymeter คืออะไร และใช้งานอย่างไร
                                                

         ผู้ที่ใช้นาฬิกาข้อมือระบบ Chronograph หลายท่าน อาจจะสงสัยว่าตัวเลขที่ขอบหน้าปัดนาฬิกา(Bezel) คืออะไรและใช้อย่างไร ซึ่งจริงๆ มันคือ Tachymetre หรือ Tachymeter หรือ Tachymetric Scale แล้วแต่การเรียกของแต่ละสถานที่ ซึ่งมีประโยชน์มากในการวัดอัตราความเร็วหนึ่งหน่วยเวลา Tachymeter เป็นมาตรวัดความเร็วโดยหน่วยที่ใช้จะเป็น KM/HR โดยอ่านค่าจากเข็มจับเวลาวินาที สามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลายแบบ อาทิเช่น จับระยะทางรถที่วิ่งใน 1 กม.โดยเริ่มกดปุ่มจับเวลาข้างตัวเรือนนาฬิกาข้อมือ เมื่อรถออกวิ่ง เมื่อครบ 1 กม. ก็กดปุ่มหยุดจับเวลา แล้วให้สังเกตเข็มวินาทีไปหยุดตำแหน่งเลขใดบน Scale Tachymeter ให้อ่านเลขตรงจุดนั้น ตัวอย่างคือ เข็มวินาทีหยุดที่เลข 6 ก็คือเดินไป 30 วินาที จะตรงกับเลข Scale Tachymeter 120 กม.นั่นก็คือรถวิ่งที่ความเร็ว 120 กม. ต่อชั่วโมง นอกจาก Tachymeterใช้วัดอัตราความเร็วรถยนต์ได้แล้ว ยังสามารถใช้นับกำลังการผลิต ตั้งแต่เริ่มต้นผลิตจนผลิตเสร็จก็ได้เช่นกัน เช่น ผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น ในเวลาผลิตเสร็จ 30 วินาที จะตรงกับ Scaleเลข 120 ก็แสดงว่ากำลังการผลิตของชิ้นนี้คือ 120 ชิ้นต่อชั่วโมง เป็นต้น Tachymeterยังมาสามารถนำไปใช้ประยุกต์วัดอัตราอื่นๆ ได้อีกมากมาย สเกล Tachymeter ทำหน้าที่อ่านค่าความเร็ว เช่น ถ้าคุณนั่งอยุ่บนรถ แล้วเริ่มจับเวลา(Start)จากหลักกิโลเมตรนึง พอไปถึงอีกหลักกิโลเมตรนึง กด Stop(ระยะห่าง1กิโลเมตร) สมมติเข็มหยุดที่เลข 6 ซึ่งจะตรงกับเลข 120 บนสเกล ก็แสดงว่ารถคันนั้นวิ่งด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือใช้ในการนับกำลังการผลิตก็ได้นะครับ เช่น ถ้าของหนึ่งชิ้นทำเสร็จภายใน 30 วินาทีซึ่งจะตรงกับเลข120 ก็แสดงว่ากำลังการผลิตเท่ากับ 120 ชิ้น/ชั่วโมง แต่ถ้ากำลังการผลิตเร็วขึ้น ก็สามารถนับเป็นทุก10ชิ้น (Base 10) เช่น พอผลิตครบ 10 ชิ้น แล้วเข็มไปหยุดตรงกับเลข8 ซึ่งตรงกับเลข 90 บนสเกล ก็นำไปคูณกับ 10 ก็จะเท่ากับ 900 ซึ่งแสดงว่ากำลังการผลิตคือ 900 ชิ้น/ชั่วโมง และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อีกเยอะแยะมากมาย

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Nike Line-up เข้าใจ รุ่นต่างๆของ ไนกี้ (รองเท้าวิ่ง)

มารู้จักรองเท้าวิ่งในไลน์ของ NIKE กันดีกว่า!



NIKE เป็นอีก หนึ่งแบรนด์ชั้นนำในเรื่องรองเท้าวิ่ง มีรองเท้าวิ่งให้เลือกหลากหลายและแต่ละโมเดลก็มีการพัฒนาตนเองมาเรื่อย ๆ ทั้งด้านเทคโนโลยีและโครงสร้าง สีสันภายนอก แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าคู่ไหนของไนกี้ที่เหมาะกับเรา?
ถึงแม้ไนกี้บางโมเดลจะมีประวัติศาสตร์ ยาวนาน อย่าง NIKE Pegasus ที่มีถึง 30+ รุ่น ไนกี้ก็ยังนำเสนอรองเท้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีที่ใหม่ขึ้น ชื่อใหม่ ประเภทใหม่ ฯลฯ ในบทความนี้เราจะมาดูกันครับว่าตอนนี้ไนกี้มีเทคโนโลยีอะไรต่าง ๆ ในรองเท้าวิ่งของเขาบ้าง และรองเท้าวิ่งแต่ละประเภทจำแนกอย่างไรและเหมาะกับใคร

ว่ากันด้วยเทคโนโลยี
Flyknit

flyknitFlyknit เป็นเทคโนโลยีใหม่ลิขสิทธิ์ของไนกี้ ที่ใช้การถักทอเส้นใยพิเศษ และถักทอด้วยแทคนิคพิเศษที่ ที่ทำให้ส่วน Upper ของรองเท้าวิ่งนั้นรู้สีกเหมือนถุงเท้า! ด้วยเหตุนี้ รองเท้าที่มีเทคโนโลยี FlyKnit ที่ว่านี้จึงมีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นและถ่ายเทอากาศได้ดี เทคโนโลยีนี้ไนกี้เป็นบริษัทที่จดลิขสิทธิ์ เป็นเจ้าแรก ดังนั้นคาดหวังได้เลยว่าคุณต้องจ่ายค่า Premium ตรงนี้ให้ไนกี้ส่วนหนึ่ง (จากการสำรวจ เทคโนโลยีนี้ สร้างมูลค่าให้รองเท้าไนกี้ โมเดลเก่า มี เพิ่มมากขึ้น 1000+ บาท เลยทีเดียว!)
ตัวอย่างรองเท้าวิ่งที่ดัง ๆ ที่มี Flyknit ก็มี Flyknit Racer (ตัวแข่ง) แล้วก็ Flyknit Lunar1+ (ตัวซ้อม ใช้ใส่ซ้อมได้ทุกวันและมีการรองรับแรงกระแทกที่ดี).

Lunar Foam


พื้นรองเท้าวิ่งนั้นทำจากโฟม แต่ละบริษัทก็มีสูตรเฉพาะของตัวเองและสถาปนาเป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่ง จุดร่วมที่แต่ละบริษัทพยายามทำเหมือนกันคือ ทำให้โฟมนี้ เบามากที่สุดเท่าที่จะเบาได้, นุ่มเพื่อที่จะรองรับแรงกระแทกขณะเท้าปะทะกับพื้น, เด้งเหมือนสปริง และทนทานไม่สึกหรอง่ายไปตามการใช้งาน

แต่ก่อนไนกี้มีโฟมที่เรียกว่า CUSHLON ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังพบเห็นอยู่ในรองเท้าวิ่งรุ่น Air ต่าง ๆ


และในปี 2009 ไนกี้ก็ได้พัฒนาโฟมสูตรใหม่ เรียกว่า Lunar Foam ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น LunarLon ซึ่งเป็นโฟมที่ นุ่มที่สุด เบาที่สุดด และรองรับแรงกระแทกได้ดีที่สุดของไนกี้ขณะนี้ Lunarlon นั้นเบากว่าโฟมมาตรฐานอย่าง Phylon ถึง 30%

โดยปกติแล้ว Lunarlon จะถูกฝังอยู่ใน Phylon Foamซึ่งแข็งกว่า เพื่อให้โครงสร้างและซัพพอร์ทในส่วนที่เท้าต้องการ
โดยสรุปแล้ว ถ้าเป็นไนกี้มองหารองเท้าวิ่งโมเดลที่เป็น Lunar... แลย ถ้าคุณอยากได้รองเท้าวิ่งที่ให้ความรู้สึกเบา นุ่ม และรองรับแรงกระแทกได้อย่างนุ่มนวล 

มาลองดูตัวอย่าง รองเท้าที่มีเทคโนโลยี Lunar ของ ไนกี้ ปี 2013 กันครับ:


Nike LunarGlide

nike-lunarglide-5-grey-yellow-3รุ่นยอดนิยมสุดในตระกูล Lunar มีซัพพอร์ตให้ปานกลางสำหรับคนที่มีลักษณะเท้าแบบ OverPronate มีรองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยมและส่วนอัปเปอร์ที่เบาสบาย เหมาะกับวิ่งซ้อมระยะไกล



nike-lunar-eclipse-3เป็น รองเท้าวิ่ง Lunar ที่มีระดับการซัพพอร์ต สูงสุด แต่ก็มีโครงสร้างคล้ายกับรุ่น Lunar Glide เหมาะสำหรับนักวิ่งเท้าแบนและต้องการการซัพพอร์ต



nike lunarracerเร็ว เบา ทั้งยังรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะมากกับวันแข่งมาราธอน!



nike-flyknit-lunar-1-2ถึงแม้จะแพงไปนึดนึงแต่ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Neutral Runner เลยทีเดียวด้วยการผสมระหว่างเทคโนโลยี FlyKnit+Lunar ทำให้รองเท้านี้ทั้งเบา สบาย เป็นธรรมชาติมากที่สุด

คราวนี้มาดูเทคโนโลยีของไนกี้ที่มีแนวคิดกับการเคลื่อนไหวของเท้าให้เป็นธรรมชาติกัน นั่นก็คืิอ ไนกี้ ฟรี (NIKE FREE) นั่นเองครับ

Nike Free

nike-free-alt-closure-run-sqdrnbl-hypbl-cybr-free-flex-1-610x406ไนกี้ฟรี(Nike Free) เป็นแนวคิดที่เริ่มขึ้นเมื่อราว ๆ ปี 2005 ซึ่งมีแนวคิดที่ว่าต้องสร้างรองเท้าวิ่งที่ยืดหยุ่นมากขนาดเท่าที่เท้าของนักวิ่งสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
บางคนก็สงสัยว่า "ฟรี" นั้นก็ยังเป็นรองเท้าที่มีการรองรับแรงกระแทกอยู่มาก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทำให้นักวิ่งไม่รู้สึกของการที่เท้า "กระทบ" พื้น จริง ๆ ซักเท่าไหร่
ก็อาจจะจริงอย่างที่มีคนที่ว่าอย่างนั้น แต่การที่พื้นรองเท้าวิ่งนั้นยืดหยุ่นมาก ๆ ผนวกกับส่วนอัปเปอร์ที่เปิดและกระชับไปกับเท้านั้นก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว.
ตัวเลขแต่ละตัวที่ต่อท้ายคืออะไร?
พูดง่าย ๆ ว่า ตัวเลขเหล่านี้บอกถึงความ "ยืดหยุ่น" ของรองเท้ารุ่น "ฟรี" นั่นเอง 1 หมายถึงให้ความรู้สึกเหมือนเท้าเปล่า จนถึง 10 ที่หมายถึงการให้ความรู้สึกเหมือนรองเท้าทั่วไป
ตัวเลขเหล่านี้อาจจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่มาเรื่อย ๆ เช่น มี Free 3/5/7 แต่โดยหลักการแล้วตัวเลขที่น้อยกว่าหมายถึงการให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ (ยืดหยุ่น)มากกว่า
สำหรับปี 2014 มี Free หลาย เวอร์ชัน เช่น
  • FREE 3.0 (มินิมัลสุด ๆ มี Heel2Toe Drop อยู่ที่ 4 มิล)
  • FREE 4.0 (มี Heel2Toe Drop อยู่ที่ 6 มิล)
  • FREE 5.0 (มี Cushioning อาจพูดได้ว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับใครที่ต้องการลองประสปการณ์แบบ ธรรมชาติ ๆ)
  • FREE FLYKNIT ก็คือ FREE + FLYKNIT รองเท้ารุ่นล่าสุดที่ให้ทั้งความยืดหยุ่นของ FREE และ ความเบา สบาย กระชับ ระบายอากาศได้ดีในส่วนอัปเปอร์จาก FLYKNIT
มา คราวนี้มาที่เทคโนโลยีที่มีมาเนิ่นนานของไนกี้อย่าง ไนกี้ แอร์ กันบ้าง
NIKE_Airทุก ๆ คน ต่างก็รู้จัก ไนกี้ แอร์ (คงเคยจะได้ยินชื่อรองเท้าบาสสุดฮอต ไนกี้แอร์จอร์แดน กันมั่งล่ะครับ) ไนกี้แอร์โด่งดังขึ้นมาในยุค 80 แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ไนกี้แอร์ จริง ๆ คืออะไร
รองเท้าวิ่งไนกี้ที่จัดอยู่ในประเภท "แอร์" นั้นจริง ๆ ใช้ โฟม Cushlon ที่ส่วนของพื้นรองเท้า ซึ่งถึงแม้จะนุ่มและยืดหยุ่นดีแต่ก็หนักและไม่เด้งเท่าที่นักวิ่งหวังไว้
ผลสรุปก็คือ ไนกี้ตัดโฟมบางส่วนออกไปแทนที่ด้วยถุงลมใส่ก๊าซชนิดพิเศษของไนกี้ แน่นอนว่าทำให้น้ำหนักเบาลงและยังเพิ่มสมรรถนะในการรองรับแรงกระแทกอย่างดี
รองเท้าไนกี้รุ่นต่าง ๆ กัน ก็วางถุงลมนี้ไว้ในที่ ๆ ต่างกัน เช่นที่ส้น หรือที่หน้าเท้า ไม่ก็ทั้งสองอย่างเลย
ไอ้ถุงลม(AirBags) ที่ว่านี้ มี 3 ประเภทด้วยกันคือ: Air, Air Max and Zoom Air.
  • Nike Air -> รุ่นสามัญธรรมดา เป็นถุงลมขนาดกลางที่โดยส่วนใหญ่จะถูกจัดให้อยู่ที่บริเวณส้น
  • Air Max -> ถุงลมขนาดใหญ่บักเอ้กที่หนามาก และรองรับแรงกระแทกมาก(จนบางครั้งเกินไป จนทำให้เท้ารู้สึกไม่เสถียรเวลาวิ่ง เราคิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับการวิ่ง น่าจะใช้ใส่เดินปกติมากกว่า)
  • Zoom Air -> ถุงลมขนาดบางสุดที่มีต้นแบบมาจากรองเท้าฟุตบอล มักพบในรองเท้าวิ่งรุ่นที่มีพื้นไม่หนามากและโครงสร้างไม่ซับซ้อน
ตัวอย่างรองเท้าวิ่งไนกี้ที่มี เทคโนโลยี Air
Nike Pegasus 30
Nike-Air-Pegasus-30-Mens-Running-Shoe-599205_415_Aเป็นรองเท้าวิ่งของไนกี้ที่ขายดีที่สุดตลอด 30 ปี ที่ผ่านมา มันเป็นรองเท้าที่ยอดเยี่ยมมาก เหมาะกับนักวิ่งหน้าใหม่ เพราะมันให้การรองรับแรงกระแทกที่ดีและก็กระชับเข้ากับรูปเท้าของนักวิ่งส่วนใหญ่
Nike Zoom Vomero 8
NikeVomero8Vomero มีมาถึง 8 รุ่นแล้ว เป็นรองเท้าที่ให้ฟีลลิ่งอ่อนนุ่มกว่า Pegasus แต่ในปี 2013 ที่ผ่านมาความรู้สึกรองรับแรงกระแทกหายไป แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม สบายอยู่ เป็นรองเท้าที่แนะนำสำหรับนักวิ่งผู้แสวงหารองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกสบายที่สุดกับทุกสถานการณ์
Nike Zoom Elite
nikezoomeliteไม่นานมานี้ Zoom Elite เป็นรองเท้าตัวแข่ง/ซ้อมเร็ว ของไนกี้ ที่มีความโดเด่นขึ้นมา มีหยุดพัฒนามาปีหนึ่ง แต่ก็ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่และมี  MoFarah แชมป์เหรียญทองโอลิมปิกเป็นทั้งผู้ให้คำแนะนำและก็ใช้รวมถึงการเป็นพรีเซนเตอร์ มันเป็นรองเท้าวิ่งที่ให้ฟีลลิ่งแข็งแกร่ง อย่างยอดเยี่ยม!
Nike Structure 16
0041200331700000_bigเป็นรองเท้าสำหรับคนที่มีเท้าแบบ OverPronate เล็กน้อย
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีรองเท้าวิ่ง Trail และก็ตัวแข่งของไนกี้บางตัวที่ไม่ได้พูดถึง แต่เราก็มั่นใจว่าแค่นี้ก็ทำให้คุณ รุ้จักรองเท้าวิ่งจากไนกี้เพิ่มมากขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ!


ขอบคุณข้อมูล จาก http://www.runningshoesguru.com/ ครับ