logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

BMW S1000RR 2015

BMW S1000RR 2015 

              BMW S1000RR หรือที่รู้จักกันในนามว่า “ฉลาม” โดยฉลามใหม่ปี 2015 นั้นได้เปลี่ยนโฉมครั้งใหม่ และฉลามโฉมใหม่ปี 2015 นี้ได้ปรากฎขึ้นในเอเชียครั้งแรกที่ประเทศไทยและที่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขุมพลัง 4 สูบเรียง ความจุ 999 ซีซี
BMW SR1000RR ALL
S1000RR  กับเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมกับเครื่องยนต์ใหม่นี้ที่ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 999 cc. และให้แรงม้าถึง 200 แรงม้า (146 กิโลวัตต์) ซึ่งมากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 6 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตรที่ 10,500 รอบต่อนาที มีเกียร์ 6 สปีด Gear Shift Assistant Pro หรือ ระบบการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องใช้คลัชหรือเรียกง่ายๆ คือ Quick Shift ที่รุ่นก่อนหน้านี้จะสามารทำได้เฉพาะการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องใช้คลัชตอนเปลี่ยนเกียร์ขึ้น แต่ระบบ Gear Shift Assistant Pro สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้ครัชทั้งขึ้นและลง
BMW S1000RR Black
S1000RR มีโหมดให้เลือกในการขับขี่ตามสภาพพื้นถนนทั้ง Rain, Sport และ Race ระบบ Launch Control เพื่อการออกตัวที่ง่ายกว่า ระบบช่วยทรงตัว DTC ปรับได้มากถึง 7 ระดับ ทั้งยังเป็นมอเตอร์ไซค์สปอร์ตรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบ Cruise Control อีกด้วย ระบบกันสะเทือนหน้าจัดโช้คอัพแบบกลับหัวขนาด 46 มิลลิเมตร ด้านหลังมาพร้อมสวิงอาร์มคู่ ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลังพร้อมกับระบบ ABS
BMW S1000RR ไมค์
                    S1000RR 2015 ปรับเปลี่ยนจอแสดงผล ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นจอแสดงสถานะข้อมูลและฟังก์ชั่นต่างๆ ให้อ่านได้ง่ายขึ้น เช่นการเซ็ท DDC, DTC, การจับเวลาแบบ lap time และ lap distance, lap-specific speed, active riding mode, gear changes per lap เป็นต้น ส่วนท่อไอเสีย ถูกออกแบบใหม่ ปรับเปลี่ยนการไหลเวียนของอากาศแบบคู่ ทำให้แรงบิดเพิ่มขึ้นในรอบเครื่องเท่าเดิม นอกจากนี้ยังลดเสียงรบกวนและลดน้ำหนักลงถึง 3 กิโลกรัม
BMW S1000RR FULLBODY

BMW S1000RR

จะเริ่มจำหน่ายภายในต้นปี 2015 ส่วนราคาจำหน่ายนั้นต้องติดตามกันต่อไปครับ

BMW K1600 GT

BMW K1600 GT

สุดยอดบิ๊กไบค์แกรนตูริสโม ที่มาพร้อมความใหญ่ในสไตล์ทัวร์ริ่ง ให้คุณได้สัมผัสเครื่องยนต์และการออกแบบที่เหนือชั้น จะเข้ามาสร้างการเดินทางของคุณให้นุ่มนวลและน่าประทับใจกับ  BMW K1600 GT มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1,649 cc
BMW K1600 GT Body
เครื่องยนต์ขนาด 4-stroke in-line 6-cylinder engine, two overhead camshafts, four valves per cylinder ระบายความร้อนด้วย Oil-/watercooled มีระยะการชักของกระบอกสูบที่ 72 mm x 67.5 mm และมีปริมาตรกระบอกสูบที่ 1,649 cc แรงเร้าใจเต็มแม็กซ์ ด้วยกำลังสูงสุดที่ 160 hp at 7,750 rpm พร้อมทั้งมีแรงบิดที่ 129 lb-ft at 5,250 rpm ให้อัตราการอัดถึง 12.2 : 1 พร้อมอีมิสชั่นคอนโทรลแบบ Closed-loop 3-way catalytic converter, emission standard EU-3 ทัวร์ริ่งคันนี้สามารถสร้างแม็กซ์สปีดได้มากกว่า 125 mph
BMW K1600 GT Right
ระบบกันสะเทือนหน้าที่ออกแบบมาให้มีความแข็งแรง และพร้อมทรงตัวเป็นพิเศษแบบ BMW Motorrad Duolever  ซึ่งผสานการทำงานกับระบบกันสะเทือนหลังแบบ BMW Motorrad Paraleverระบบเบรคหน้าแบบ Dual disc brake และระบบเบรคหลังแบบ Single disc brake ที่มาพร้อมการทำงานของแอนตี้ล็อค เบรคกิ้งซิสเต็ม
BMW K1600 GT Full
BMW K1600 GT กับไฟหน้าที่มีขนาดใหญ่ ทำให้คุณสามารถทัวร์ริ่งในทางมืดได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งยังมีไฟเลี้ยวขนาดใหญ่เทียบเท่าไฟรถยนต์บางรุ่นเลยทีเดียว ในส่วนของกระจกมองข้างก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน กระจกกั้นลมหน้าก็ใหญ่เวอร์ ด้านหน้าจะเห็นได้ว่ามีเสาอากาศมาให้ นั่นก็คือเสาร์อากาศของระบบเครื่องเสียงในเจ้าทัวร์ริ่งคันนี้นี่เองครับ สำหรับมาตราวัดความเร็วก็ดีไซน์สปอร์ตใช้แบบดิจิตอลเพิ่มความเท่และมีกระเป๋าเก็บสัมภาระด้านข้างมาให้อำนวยความสะดวกสบาย

BMW K1600 GT มีราคาอยู่ที่ 1,465,000 บาท

Yamaha MT-07

Yamaha MT-07

พูดถึงมอเตอร์ไซค์สไตล์ Naked จากค่าย Yamaha คงพลาด รุ่นนี้ไปไม่ได้ ที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 689 CC
Yamaha MT-07 เครื่อง
Yamaha MT-07 สุดยอดสไตล์ Naked  ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดุดัน แฝงไปด้วยเครื่องยนต์ขนาด 689 CC. 2 สูบเรียง 75 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 68 นิวตั้นเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ตอบสนองฉับไวต่อการบิดคันเร่ง น้ำหนักรวมเชื้อเพลิงเพียง 182 กิโลกรัม
Yamaha MT-07 ไมค์
Yamaha MT-07 ไฟหน้าออกแบบเดี่ยวส่องสว่างพร้อมไฟเลี้ยว LED พร้อมตัวถังแข็งแรง เสริมด้านหน้าให้ดูดุดัน หน้าปัดเรือนไมค์มาแบบดิจิตอล LED  จอแสดงผลระบบค่าต่างๆมาแบบครบถ้วน เช่น มาตรวัดความเร็ว อัตราคงเหลือเชื้อเพลิง มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ นาฬิกา ทริป A,B
Yamaha MT-07 Back
พร้อมกับระบบกันสะเทือนล้อหน้าแบบเทเลสโคปิค ปรับได้ขนาด 41 mm Inverted fork ล้อหลังแบบสวิงอาร์มปรับระดับ link Monocross ยางล้อหน้าขนาด 120/70 ZR17 M/C 58W ยางล้อหลังขนาด 180/55 ZR17 M/C 73W  ระบบเบรค ABS บั้นท้ายทรงแหลมโฉบเฉี่ยวสวยงาม พร้อมเบาะซ้อนท้ายแบบแยกส่วนสองระดับ และไฟท้ายแบบ LED สวยงาม
Yamaha MT-07 Color

Yamaha MT-07 วางจำหน่ายด้วย 3 สี ได้แก่ สีเหลือง สีดำ และสีเทา

Yamaha R1 2015

Yamaha R1 2015 


ถ้าพูดถึงซุปเปอร์ไบค์ คงพลาดเจ้าซุปเปอร์ไบค์คันนี้ไปไม่ได้ ที่ทุกคนกำลังจับตามองนั้นคือ Yamaha R1 ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานและถือว่าเป็นรถแนวสปอร์ตในคลาสนี้อันดับต้นๆ ที่ตรึงใจชาวไบค์เกอร์กันถ้วนหน้า ทั้งชาวไทยและเทศ และในปี 2015 นี้ทางค่าย Yamaha ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมรวมไปถึงเครื่องและเทคโนโลยีต่างๆ ใหม่หมดจด
Yamaha R1 ไมค์
ปีนี้ได้ออกแบบมาอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, จอ LCD Full Digital และการวางท่อที่เหมือน S1000RR โดย New R1 จะเป็นรถที่เข้าใกล้ MotoGP Bike มากที่สุดคันหนึ่ง ก็เพราะ ระบบอิเล็คทรอนิค แบบจัดเต็ม และ Yamaha เลือกใช้เฟรม Alluminum Alloy – DeltaBox แบบใหม่ที่เปลี่ยนช่วงท้ายเฟรมเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่าง Magnesium Alloyแทน นอกจากนี้ยังทำการลดระยะฐานล้อให้สั้นลงจากเดิม 1415 มล. เหลือเพียงแค่ 1405 มล. พร้อมยังได้ทำการรีดน้ำหนักลงเหลือ 199 กิโลกรัม เพื่อให้ R1 คล่องตัวมากยิ้งขึ้น
Yamaha r1 เครื่อง
ด้านเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบเรียง Crossplane CP4 ขนาดความจุ 998 cc มีการใช้การจุดระเบิดแบบ รถแข่ง M1 ของทาง Yamaha ที่มีแรงบิดออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ลูกสูบแบบ Forged Alluminum,เพลาข้อเหวี่ยงแบบไทเทเนียม, กระเดื่องกดวาล์วที่มีการออกแบบใหม่ นอกจากนี้ห้องเผาไหม้มีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 13:1 ส่งผลให้ Yamaha R1  มีแรงม้าที่ 200 แรงม้า
Yamaha R1 body
ช่วงล่างปลอดภัยด้วย 43mm inverted fork / 120 mm (4.7″) wheel travel ในระบบกันสะเทือนหน้าของ ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์ 1 พร้อมเสริมกำลังการทรงตัวด้วย ระบบกันสะเทือนหลังแบบ bottom link Monocross / 120mm (4.7″) wheel travel เบรคอย่างมั่นใจด้วยเบรคหน้าแบบ Dual 320mm discs / 4-piston calipers / ABS & Unified และเบรคหลังแบบพิเศษอย่าง ระบบ 220mm disc / single piston caliper / ABS & Unified ที่ออกแบบมาตอบสนองการเบรคที่นุ่มนวลของเจ้าซุปเปอร์ไบค์คันนี้
รายละเอียดของเครื่องยนต์ Yamaha YZF-R1 
  • ครื่องยนต์ 998.00cc. 4จังหวะ DOHC 16 วาล์ว (titanium intake valves)
  • ระบบระบายความร้อน ระบายความร้อนด้วยน้ำ
  • ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 78.0 x 52.2mm
  • อัตราส่วนแรงอัด 12.7:1
  • ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หัวฉีด (Fuel injection with YCC-T and YCC-I)
  • ระบบเกียร์ เกียร์ธรรมดา / 6 เกียร์ Multiplate Slipper Clutch
  • ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
  • ระบบจุดระเบิด TCI: ทรานซิสเตอร์ควบคุมการจุดระเบิด(Transistor Controlled Ignition)
  • ระบบกันสะเทือน หน้า 43mm inverted fork; fully adjustable
  • ระบบกันสะเทือน หลัง Single shock w/Piggyback reservoir; 4-way adjustable
  • ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรกคู่ขนาด 310mm พร้อมคาลิปเปอร์ 6 จุด
  • ระบบเบรก หลัง ดิสก์เบรกขนาด 220mm พร้อมคาลิปเปอร์
  • ขนาดยาง หน้า 120/70-ZR17
  • ขนาดยาง หลัง 190/55-ZR17
  • ความยาวxความกว้างxความสูง 2,070 x 715 x 1,130 มม.
  • ความสูงเบาะ 44.5 นิ้ว
  • ระยะฐานล้อ 55.7 นิ้ว
  • น้ำหนัก 454 lb หรือประมาณ 206 กก.
  • ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 18 ลิตร

สัมภาษณ์ The Doctor: Valentino Rossi เกี่ยวกับ New YZF-R1
Yamaha r1 rossi ROSSI:
“เราเริ่มทำโปรเจคต์นี้มาได้มากกว่า 1 ปีแล้ว ยามาฮ่ามาหาผม พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากผม
ในด้านประสบการณ์การขับขี่ตัวแข่งอย่าง M1”
“เราทำงานร่วมกันโดยพัฒนา R1 ตัวใหม่ ให้มันกลายเป็นรถที่ถอดแบบมาจาก M1 โดยทำให้เป็นเวอร์ชั่น
ที่ขับขี่ได้ง่ายขึ้น”
“เราทำงานกันอย่างหนัก เพื่อจะทำให้ R1 มีฟีลลิ่งใกล้เคียงกับ M1 ด้วยการทำการทดสอบควบคู่
ไปกับ M1 และเราก็พบว่ามันน่าอัศจรรย์มาก”
“เพื่อจะสร้างรถที่ขี่ง่ายสำหรับทุกคน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นรถที่มีการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นด้วย
พวกเราจึงทำงานหนักในส่วนของ ตำแหน่งการขับขี่ ระบบอิเล็คโทรนิค และเครื่องยนต์ เป็นต้น”
Yamaha r1 view
ส่วนราคา Yamaha R1 มีราคาอยู่ที่ 899,000 บาท  เห็นอย่างนี้แล้วถือว่าสมน้ำสมเนื้อกันเลยทีเดียวกับราคา ใครที่ชื่นชอบในตระกูล R และอยากจะสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำๆ จากทางค่าย ก็ต้องรีบไปจับจองกันแล้วนะครับ เดี๋ยวคิวจะยาวไปเสียก่อน

Harley Davidson Sportster XL Iron 883N

Harley Davidson Sportster XL Iron 883N 

ถ้าจะพูดถึงตำนานมอเตอร์ไซด์อย่าง Harley Davidson เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อมอเตอร์ไซค์ในฝันของชายหลายๆ คนและอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันและคลองใจมาอย่างยาวนาน หนีไม่พ้นกลุ่ม Sportster ถ้าย้อนไปเริ่มไลน์การผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1957 และก็ได้ปรับเปลี่ยนโฉมมาอยู่เรื่อยๆ และรุ่นที่จะพูดถึงก็คือ Harley Davidson Sportster XL Iron 883N ที่มันดูมีมนต์เสน่ห์ในตัวของมันเองเสียนี่กระไร
Harley โครง
มอเตอร์ไซค์คันโตๆ ทรงใหญ่ๆ อย่าง Harley Davidson ก็ต้องเน้นที่ความดุดัน ดังนั้นสีส่วนใหญ่จึงเป็นสีดำ เพื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์  ดูโดดเด่น เท่ห์จนใครๆ เห็นต้องเหลียมอง Harley Davidson Sportster XL Iron 883N  รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้เป็นบล็อคเครื่องยนต์แบบ Evolution V-Twin ขนาด 883cc เหตุที่มันถูกเลือกให้เป็นเครื่องยนต์รุ่นนี้เพราะมันถูกแทนที่บล็อคเครื่องยนต์เก่า และมีความทนทานมากกว่าตัวเดิมจนใครๆ ก็ยอมรับนั่นเอง
harley ส่วนต่างๆ
                    Harley Davidson Sportster XL Iron 883N คันนี้มาพร้อม ระบบเกียร์แบบ 5 สปีด ขับด้วยสายพาน ทำงานได้เต็มสมรรถนะ จุดศูนย์ถ่วงต่ำ บังโคลนแบบสั้น ท่อไอเสียคู่แบบสั้นและที่นั่งเดียว ระบบเบรกล้อหน้าเป็นแบบ Dual-piston ส่วนล้อหลังเป็นเบบ single-piston
ราคาและรายละเอียดของเครื่องยนต์ Harley Davidson Sportster XL Iron 883N ปี2015-2016 คุณสามารถดูได้ที่รูปนี้ harley ลายละเอียด
ส่วนระบบช่วงล่างของรถ Harley Davidson Sportster XL Iron 883N   มาพร้อมระบบกันสะเทือน ล้อหน้า Showa หัวกลับ 39 มม. ระยะ 108 มม., ล้อหลัง โช้คอัพคู่พร้อมสปริงปรับระดับได้ ระยะ 54 มม. ระบบเบรก ล้อหน้าดิสก์เบรก (ดิสก์ขนาด 292 มม. x 5.1 มม. ลูกสูบคู่) ABS, ล้อหลังดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 265 มม. x 7.1 มม. แม่ปั๊ม 1 ลูกสูบ) ABS แบบวงล้อแมกซ์ ขนาดยางล้อหน้า 100/90-R19 57H, ล้อหลัง 150/80-B16 77H
harley
เฟรมเป็นแบบ Chrome ผสานกับ dual mufflers โดยมีการวางเครื่องยนต์รูปตัววีอันเป็นเอกลักษณ์ของHarley Davidson เข้าไปอย่างสมดุล ล้อทั้งสองล้อเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำ ท่อไอเสียจำนวน 2 ท่อวางตำแหน่งไว้เป็นคู่ที่ด้านขวาของตัวถัง พร้อมด้วยหน้าปัดแสดงมาตรวัดแบบอนาล็อค และโคมไฟหน้าดวงใหญ่สไตส์อเมริกัน เสริมด้วยเบาะหนังสีดำขนาด 1 ที่นั่งแบบ 1 ชิ้นยาวถึงช่วงหลัง ขนาดตัวรถ (ยาวxกว้างxสูง มม.) 2,225 x – x 735 มม. น้ำหนัก : 255 กก. ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 12.5 ลิตร
harley men
ส่วนตัวผมคิดว่าเหมาะ กับไบค์เกอร์รุ่นใหม่ที่สนใจที่จะหันมาซื้อมอเตอร์ไซด์      Harley Davidson ซึ่งตัวนี้เป็นตัวเล็กเหมาะสำหรับไบค์เกอร์รุ่นใหม่นะครับ

Honda CB1000R

Honda CB1000R

บิ๊กไบค์สไตล์เนกเกตไบค์ อย่าง Honda CB1000R ที่พึ่งออกมาหมาดๆ นั้น ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่ลังเล ว่าเลือกตัว 1000 CC ตัวไหนดี คงพลาดเจ้า CB1000R ที่ออกแบบมาให้ดูบึกบึนเข้ากับตัวรถได้อย่างดี
Honda CB1000R Right
ใช้เครื่องยนต์ขนาด 998cc 4 สูบ DOHC ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำและพัดลมไฟฟ้า ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 92kW @ 10,000rpm ส่วนทอร์คนั้นอยู่ที่ 99Nm @ 7,750rpm กระบอกสูบ x ระยะช่วงชักเท่ากับ 75 x 56.5 มม. มีกำลังอัดอยู่ที่ 11.2 : 1 ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ใช้คลัทช์เปียกแบบไฮดรอลิก
Honda CB1000R Face
ระบบกันสะเทือนนั้นใช้โช๊คหน้าใช้แบบเทเลสโคปิกหัวกลับ (USD) ขนาด 43มม. แบบ HMAS โดยสามารถปรับระยะยุบตัวได้ 120 มม. ส่วนโช๊คหลังนั้นเป็นแบบเดี่ยวแบบมีกระปุก sub-tank ปรับได้ถึง 10 ระดับ เบรกหน้าเป็นแบบดิสก์ขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ แบบ radial mount จาก TOKICO ระบบเบรกนั้นเป็นแบบ c-ABS (ABS แบบกระจายแรงเบรกหน้าและหลัง) ส่วนดิสก์เบรกหลังมีขนาด 256 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ล้อนั้นจะเป็นแบบอัลลอย มีขนาด ยางหน้าอยู่ที่ 120/70 และยางหลัง 180/55
Honda CB1000R Body
ขนาดของตัวรถนั้น  ยาว´กว้าง´สูง (2,105 X 805 X 1,095 มม.) ระยะห่างระหว่างล้ออยู่ที่ 1,445 มม. ความสูงเบาะเท่ากับ 825 มม. ในส่วนของความสูงระหว่างพื้นถึงท้องรถคือ 130 มม. น้ำหนักตัวค่อนข้างหนักแน่นดีทีเดียวอยู่ที่ 222 กก. Honda CB1000R นั้นมีราคาที่วางจำหน่ายกันที่เมืองนอกอยู่ที่ราวๆ 382,990 บาท  แต่หากว่าจะนำเข้ามาขายกันในบ้านเรานั้นก็ต้องบวกภาษีเข้าไปอีก

Kawasaki Ninja ZX-10R 2015

Kawasaki Ninja ZX-10R 2015 

ถ้าจะพูดถึง Kawasaki รถที่ทำตลาดให้ได้มากที่สุดและดีที่สุดมาอย่างยาวนานคงจะหนีไม่พ้นบิ๊กไบค์ตระกูล Ninja ที่ถ้าพูดถึงคงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน  เพราะรุ่นนี้อยู่คู่กับค่ายนี้มาแล้วถึง 30 ปี และสำหรับรุ่นที่จะหยิบมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ Ninja ZX-10R  2015
Kawasaki Ninja ZX-10R Body
เครื่องยนต์มีขนาด 4 สูบ 4 จังหวะ DOHC ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 998 ซีซี ที่ 76มม. x 55 มม.  โดยตัวเครื่องยนต์จะมีระบบหัวฉีดแบบสองหัว  โดยการทำงานของหัวฉีดที่สองจะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อมีการเปิดคันเร่ง หรือเมื่อถึงรอบความเร็วที่ถูกตั้งและกำหนดเอาไว้
Kawasaki Ninja ZX-10R Top
ระบบเบรก Kawasaki ZX-10R 2015 จะมาพร้อมกับระบบ ABS อัจฉริยะของ Kawasaki (KIBS) ด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ที่มีน้ำหนักเบา  มีการทำงานและใช้ข้อมูลร่วมกับระบบ S-KTRC และ ECU ระบบ KIBS จะมีการตรวจวัดว่าเมื่อไหร่ล้อจะเกิดโอกาสในการล็อค ระบบจะทำการชดเชยความดันระบบไฮโดรลิกส์ในสายเบรกเองโดยอัตโนมัติ  ซึ่งระบบดังกล่าว จะทำหน้าที่กดล้อหลังด้วยระหว่างการเบรกหนักๆ  ถือว่าเป็นระบบที่ดี เพราะจะช่วยลดการตีกลับของคันเบรกและช่วยควบคุมระบบเบรกด้านหลังให้อยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อมีการลดเกียร์ลงในระบบที่ต่ำกรณีฉุกเฉิน
Kawasaki Ninja ZX-10R ล้อ
ตัวระบบกันสะเทือนเป็นแบบตะเกียบ  โช้คหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 43 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบแนวนอนปรับตั้งค่าตัวโช้คได้ มาด้วยจานเบรกขนาด 310 มม. แบบจานคู่พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ ABS  ส่วนด้านหลังเป็นระบบจานเบรกเดี่ยวที่มีขนาด 220 มม. พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 1 ลูกสูบ ABSในส่วนนี้ผู้ขับขี่เองสามารถเลือกค่า TC ได้ถึง 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งระดับแรกจะทำการยึดเกาะถนนได้สูงที่สุด ระบบที่สอง  จะเป็นแบบปานกลาง และระดับที่สาม  เหมาะสำหรับสภาพถนนที่เปียกลื่น  ตำแหน่งของสวิทส์จะอยู่บริเวณหัวแม่มือด้านซ้ายของแฮนด์  ทำให้สะดวกต่อการเลือกใช้หรือจะเลือกสำหรับการเปิดหรือปิดระบบไปเลยก็ได้
Kawasaki Ninja ZX-10R ninja 30
การออกแบบดีไซน์ตัวรถภายนอก  ก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงมากสำหรับในรุ่นปี 2015 เจ้าKawasaki Ninja ZX-10R นั้นเป็ยรุ่นที่ฉลองครบรอบ 30 ปี จะมีสีสันให้เลือกที่เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่านี่คือบิ๊กไบค์ค่าย Kawasaki นั่นก็คือ สีเขียวมะนาวสลับขาวประกายมุก  ซึ่งดูแล้วเป็นลวดลายที่ออกแบบเหมือนกับบิ๊กไบค์คันที่ใช้ในการแข่งขัน World Superbike Championship พร้อมสติกเกอร์ที่บ่งบอกถึงการฉลองครบรอบสามสิบปีที่บริเวณตำแหน่งด้านข้างแฟร์ริ่ง ส่วนราคาคงจะเอาเรื่องพอสมควร แต่สำหรับสาวกตัวจริงแล้ว คงจะไม่เสียดายหากจะแรกมาซึ่งชื่อเสียงและความแรง

Kawasaki ER-6n ABS

Kawasaki ER-6n ABS 

ใครที่เป็นสาวกตัวยงของทางค่าย Kawasaki คงจะไม่รู้จักเจ้า Kawasaki ER-6n ABS  คงจะเห็นเป็นไปได้ยาก  ต้องบอกเลยว่ามันเป็นหนึ่งในรถบิ๊กไบค์สไตล์ Naked ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของไบค์เกอร์ชาวไทยเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความที่เป็นรถที่สามารถตอบโจทย์ความเร้าใจ  นอกจากนี้ ในความแรงแฝงอยู่ในตัวของมันเอง  ทำให้เรารู้สึกสนุกเมื่อได้ขับขี่
Kawasaki ER-6n ABS Body
Kawasaki ER-6n ABS มาพร้อทเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 649 ซีซี. 4จังหวะ 8 วาล์ว DOHC จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด อัตราส่วนการอัดจะอยู่ที่ 10.8 :1 ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด ให้แรงบิดที่สูงขึ้นในรอบต่ำถึงปานกลาง อัตราเร่งที่รวดเร็วให้การตอบสนองสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Kawasaki ER-6n ABS All in
ระบบช่วงล่างหนึบกับ โช้คอัพหน้าโช๊คอัพแบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม.  โช้คอัพหลัง โช้คอัพหลังเดี่ยวแนวนอน จานเบรคหน้าแบบ ดิสก์เบรคคู่ ขนาด 300 มม. พร้อมระบบ ABS เบรคหลังอย่างมั่นใจด้วย จานเบรดแบบ ดิสก์เบรค ขนาด 220 มม.พร้อมระบบ ABS มาด้วยขนาดยางหน้า ไซส์ 120/70ZR17M/C (58W) และขนาดของยางหลังไซส์ 160/60ZR17M/C (69W) ซึ่งช่วยในการยึดเกาะท้องถนนได้เป็นอย่างดี
Kawasaki ER-6n ABS All IN Dising
ต้องบอกว่ามันบิ๊กไบค์ที่มีการออกแบบ สะดุดตาด้วยไฟท้ายที่ดีไซน์ออกมาเป็นพิเศษ  ด้วยดวงไฟแบบ LED  มาพร้อมกับฝาครอบท้ายที่ออกแบบมาให้มีขนาดที่สั้นกว่าเดิม  ช่วยให้เพิ่มความเพรียวลมได้อย่างดี  แต่ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ต Naked Bike  ถัดมาที่เรื่องของแผงหน้าปัดเรือนไมค์ที่มีการดีไซน์ได้อย่างเหนือชั้นเกินราคาค่าตัว ที่พร้อมจะตอบโจทย์ได้ในทุกๆ ฟังก์ชั่นได้อย่างเต็มที่  ชุดโคมไฟหน้าสไตล์ใหม่ เป็นแบบดูออล  ออกแบบมาได้อย่างสวยงามดุดันลงตัวรับกับไฟเลี้ยวด้านข้างแบบก้านยื่นออกมา
Kawasaki ER-6n ABS Color
เจ้า Kawasaki ER-6n ABS คันนี้มีความยาว x ความกว้าง x ความสูงอยู่ที่ 2,110 มม. x 770 มม. x 1,110 มม. โดยมีระยะฐานล้อ อยู่ที่ 1,410 มม.ความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 130 มม. ความสูงเบาะ 805 มม. ทั้งหมดทั้งมวลเจ้า Kawasaki ER-6n ABS มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 206 กก. พร้อมความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากถึง  16 ลิตรเลยทีเดียว  ส่วนสีนั้นมี ให้เลือกถึง 4 สีเลยทีเดียว

Kawasaki Ninja H2R

Kawasaki Ninja H2R 

รู้สึกยังไงกันบ้างกับ  KAWASAKI Ninja H2R ว่าทำไมถึงทำลงแข่งขันให้มีเรื่องได้ฮือฮากันก่อนที่จะทำออกมาในเวอร์ชั่นที่วิ่งบนท้องถนนทั่ว ไปซึ่งเท่าที่ทราบมาเหตุผลก็เพื่อให้ทีมออกแบบได้ใส่ไอเดียชั้นยอดเข้าไป  โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องค่ามาตรฐานต่างๆ  ทั้งแรงม้า และ สปีดลิมิท ก็ได้ถูกเปิดข้อจำกัดออกจนหมด  แน่นอนว่า Kawasaki Ninja H2R ได้เคลมค่าความเร็วของเจ้านี่ได้มากถึง 320+ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
KAWASAKI Ninja H2R Body
Kawasaki Ninja H2R ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากตัวเครื่องยนต์บล็อคของ ZX-10R ที่เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง  โดยมีความจุของเครื่องยนต์อยู่ที่ 998 ซีซี ในอัตราส่วนของกำลังอัดที่ 8.5:1   แต่ทว่าการพัฒนาส่วนของการระบายความร้อนรอบ ๆ ห้องเครื่องที่มีการติดตั้งชุดอัดอากาศ “ซูเปอร์ชาจเจอร์” มาเสริมสมรรถนะ ซึ่งนั่นคือจุดที่สามารถขยับรอบเครื่องยนต์ให้ขึ้นไปอีก โดยเคลมไว้ที่ 14,0000 รอบ/ นาที ตัวอัดอากาศได้รับการออกแบบมาใหม่ โดยมีขนาดเล็ก และติดตั้งให้เชื่อมต่อในส่วนท้ายของเครื่องยนต์  ภายในได้รับการติดตั้งใบพัดพลังสูงแบบ 6 กลีบขนาด 2.7 นิ้ว ที่หมุนทำงานสูงสุดที่ 140,000 รอบ/ นาที แรงอัดสูงสุดที่ 38.4 Psi. โดยจะส่งผ่านอากาศผ่านท่ออะลูกมิเนียมสู่พอร์ทไอดี 4 ตัวสู่ห้องเครื่อง
KAWASAKI Ninja H2R Back
ช่วงล่าง ได้โช๊คเป็นของ KYB ซึ่งตัวรกะบอกโช๊คเป็นพาวเดอร์โคทติ้งดำ(DLC-Coated) ขนาด 43 ม.ม. ระบบการทำงานร่วมระหว่าง “ลม” (Air) และ “น้ำมัน” (Oil) กับซัพหลังตัวเดียวที่สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งแรงกดและดันกลับแบบละเอียด เบรกเลือกใช้ของ Brembo คาลิปเปอร์คู่เรเดียลเม้าท์ 4 พอท (ลูกสูบขนาด 30 ม.ม.) กับโรเตอร์จานเหล็กขนาด 330 ม.ม. ส่วนด้านหลังเลือกใช้เป็นแบบเดี่ยที่ลดขนาดจานลงมาเหลือที่ 250 มม. ขนาด ล้อหน้า 120/60R17 Bridgestone V01 slick ล้อหลัง 190/65R17 Bridgestone V01 slick ของ Bridgestone
KAWASAKI Ninja H2R Face
ความแรงของม้า ที่มีถึง 300 ม้า คือพิกัดของรถแข่งระดับโลก อย่าง MotoGP นี่คือแนวทางการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าKawasaki Ninja H2R ที่ทำให้ต้องมีชุดเกียร์เหมือนที่อยู่ในรถ GP เข้ามาใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกวางไว้ให้อยู่บนโครงสร้างของตัวเฟรมหลัก ที่ดูแล้วจะเป็นแบบท่อกลมเชื่อมประสานกัน เหตุผลก็เพื่อต้องการรองรับเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงๆ ทั้งยังแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิดในรอบเครื่องที่สูงจัดๆ สำหรับรุ่นนี้ถือว่าเป็นงานสร้างระดับมาสเตอร์พีซ  ที่ถือว่าเป็นตัวชูโรงที่มีคุณค่าเลยก็ว่าได้ สำหรับKawasaki Ninja H2R จะถูกสร้างขึ้นมาเพียง 72 คันเท่านั้น

Kawasaki Ninja 1000ABS

Kawasaki Ninja1000 ABS รีวิว

พูดถึง Kawasaki ไม่พูดถึงบิ๊กไบค์ตระกูล Ninja คงไม่ได้ ด้วยการออกแบบมาอย่างลงตัว นั้นคือเจ้า Kawasaki ninja 1000 ABS เครื่องยนต์ขนาด 1,043 CC. ที่มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีใหม่
Kawasaki Ninja 1000 ABS body
เครื่องยนต์ขนาด 1,043 cc. 4 จังหวะ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ กระบอกสูบ/ช่วงชัก 77 x 56 มม. ทำให้สร้างอัตราส่วนการอัด 11.8 :1 ให้กำลังสูงสุด 142  แรงม้า ที่ 10,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด  111 นิวตันเมตรที่  7,300 รอบต่อนาที บอกเลยว่าความมันส์ของเจ้าสปอร์ตไบค์สายพันธุ์ทัวร์ริ่งคันนี้ ใช้ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ที่มาพร้อมกับระบบจุดระเบิดแบบ Digital CDI มันส์กว่าเร้าใจทุกแรงบิดด้วย ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด 38 มม. x 4 (Keihin)
Kawasaki Ninja 1000 ABS All Down
ด้านหน้าเป็นแบบ โช้คอัพ แบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. โช๊คอัพหลัง โช้คอัพหลังเดี่ยวแนวนอน ระบบเบรกห้ามล้อที่ให้มา ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรคคู่ ขนาด 300 มม. พร้อมระบบ ABS เบรคหลัง ดิสก์เบรค ขนาด 250 มม.พร้อมระบบ ABS ยางหน้าขนาด 120/70ZR17M/C (58W) และยางหลังขนาด 190/50ZR17M/C (73W)
Kawasaki Ninja 1000 ABS All top
ด้านการออกแบบ Kawasaki ออกแบบไฟหน้าคู่ แยกส่วนส่องสว่างชัดเจนแฟริ่งด้านข้างมีช่องให้อากาศไหลผ่านเพื่อระบายอากาศได้ดีขึ้น หน้าจอแสดงมาตรวัดต่างๆอย่างครบถ้วนแบบดิจิตอล LCD ทั้งบอกความเร็ว อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง นาฬิกาบอกเวลา ทริป A,B Power และแสดงโหมดการขับขี่ต่างๆ ส่วนเข็มวัดรอบเครื่องยนต์เป็นแบบอนาล็อคให้ความรู้สึกสปอร์ต พร้อมถังน้ำมันขนาดใหญ่ 19 ลิตร มีให้ถึงสองสี เขียวและดำ

Kawasaki Ninja 1000 ABS อยู่ที่ราคา 629,000 บาท

Kawasaki Ninja 650ABS 2015

Kawasaki Ninja 650 ABS 2015 รีวิว

ถ้าพูดถึงตำนานของค่าย Kawasaki คงพลาดรุ่นที่ทำชื่อให้ค่ายนี้ ไปไม่ได้อย่าง Ninja เรามาทำความรู้จักกับเจ้า Kawasaki ninja 650 ABS ด้วยความเข้มของดีไซน์สปอร์ตเต็มรูปแบบ จึงมาพร้อมกับความแรงที่ไม่มีใครเทียบได้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 649CC
Kawasaki Ninja 650 Body
เครื่องยนต์ขนาด 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยมีปริมาตรกระบอกสูบ 649 ซีซี ด้วยระบบวาล์ว DOHC 8 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 83 x 60 มม. อัตราส่วนการอัด 10.8 :1 ระบบเกียร์ 6 เกียร์ เจ๋งกว่าด้วยระบบจุดระเบิด Digital CDI ฉลาดล้ำกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีด 38 มม. x 2
Kawasaki ninja 650 Beside
ช่วงล่างด้วยโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. โช๊คอัพหลัง โช้คอัพหลังเดี่ยวแนวนอนเบรคหน้า ดิสก์เบรคคู่ ขนาด 300 มม. พร้อมระบบ ABS เบรคหลัง ดิสก์เบรค ขนาด 220 มม.พร้อมระบบ ABS ระบบเซฟตี้ของยางแบบขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W) และขนาดยางหลัง 160/60ZR17M/C (69W)
Kawasaki ninja 650 All
ด้วยขนาดของตัวรถนั้น ยาว2,100 มม. กว้าง 770 มม. สูง 1,180 มม. ตัวของระยะฐานล้อ 1,410 มม. บ่งบอกความสปอร์ตด้วยความสูงใต้ท้องรถ 130 มม. ความสูงเบาะ 805 มม. น้ำหนักรถ 211 กก. ขับขี่ได้ยาวนานกว่าด้วยความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 16 ลิตร
Kawasaki Ninja 650 backandforward
ดีไซน์ภายนอกของ Kawasaki Ninja 650 ABS ก็เท่ตามสไตล์ครับ  ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจกกันลมสุดโฉบเฉี่ยว เฟี้ยวด้วยไฟหน้าแบบดูออล เพิ่มพลังการส่องได้อย่างชัดเจน ไฟเลี้ยวอยู่ด้านข้างในตำแหน่งที่โดดเด่น เพิ่มมิติความปลอดภัยและวิสัยทัศน์การขับขี่ด้วยกระจกมองข้าง มือจับแฮนด์ได้ขนาดกำพอดีมือ มาตราวัดความเร็วสวยงามทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ตัวถังโฉบเฉี่ยว แต่แน่นอนว่าราคา Kawasaki Ninja 650 ABS อยู่ที่ 291,000 บาท

Kawasaki Z800 2015

Kawasaki Z800 2015 


รถสปอร์ตเนกเกตที่มีรูปทรงดุดันดูแล้วน่าขับขี่เป็นไหนๆ อย่างเจ้า Kawasaki Z800   จากตระกูล Z ไซส์กลาง มีตำนานอันเลื่องชื่อ มานานกว่า 40 ปีกันเลยทีเดียว ก่อนที่จะไปเจาะลึกกันถึงเรื่องของหัวใจที่เป็นกำลังขับเคลื่อน เจ้า Kawasaki  Z800 คันนี้ดูในแว๊บแรกที่เห็นบอกเลยว่า อยากจะขับขี่มันอารมณ์เหมือนรถที่รอให้ใครสักคนมารีดสมรรถนะมันสักหน่อย
เรามาดูในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกรวมๆ กันก่อนดีกว่า เจ้า Kawasaki  Z800  เฟรมตัวถังที่เป็นแบบ Tubular Backbone, High-Tensile Steel หน้าจอมาตรวัดต่างๆ ที่ให้มาเป็นแบบ LCD  Digital ซึ่งจะแบ่งแยกจอออกเป็นสามจอต่างๆ อย่างชัดเจน  เริ่มกันที่จอซ้าย จะบ่บอกถึงอุณหภูมิของเครื่องยนต์  นาฬิกา Odometer ส่วนจอกลางจะบ่บอกข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วของรอบเครื่องยนต์ ที่ออกแบบได้อย่างดูมีสไตล์  จะเป็นลักษณ์ของสเกลแนวตั้ง ส่วนจอด้านขวานั้นจะบอกให้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับ อัตราการสิ้นเปลือง ค่าของน้ำมันในถัง นอกจากนี้ยังมีระบบไฟที่จะแสดงเป็นโหมด Eco พร้อมระบบกุญแจแบบ Immobilizer
Kawasaki Z800 Top
เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบเรียง ด้วยความจุ 806 ซีซี DOHC 16 วาล์วที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 71.0 มม.x 50.9 มม. อัตราส่วนการอัด 11.9:1 กำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 113 ตัวที่ 10,200รอบ/นาที และแรงบิด 83Nm  ที่ 8000rpm จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด
Kawasaki Z800 ล้อ
Kawasaki  Z800 มาพร้อมกับ โช้คอัพหน้าหัวกลับ 41 มม. ปรับ preload และ rebound ได้ โช้คอัพหลังเดี่ยวเป็นแบบแก๊ส  Uni-Trak  ปรับ Preload และ Rebound ได้จากค่าย KYB เช่นกัน พร้อมสามารถที่จะปรับความสมดุลในด้านน้ำหนัก ทั้ง ฝั่งซ้าย และขวา  พูดถึงการดูดซับแรง  ทำให้ได้ฟิวลิ่งการขับขี่ที่ดีและนุ่มนวลตามสไตล์โช้คอัพแบบหัวกลับ
Kawasaki Z800 Back n Forward
ยางหน้าขนาด 120/70/R17   และล้อด้านหลังรัดด้วยยางขนาด  180/55/R17 ส่วนมิติตัวรถ ดูคราวๆ ด้วยตาเปล่าแล้ว ดูเหมือนจะเตี้ย ควบคุมได้ง่าย แต่จริงๆ แล้ว มันมีความกว้างของตัวรถอยู่ที่  800 mm  ความสูงอยู่ที่ 1050 mm และความยาวของตัวรถอยู่ที่ 2100 mm และมีความสูงของตัวเบาะอยู่ที่ 834 mm น้ำหนักรถ 229 kg. ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง  17 ลิตร
ส่วนนราคาอยู่ที่ 375,000 บาท 

ducati monster 795 ABS

ducati monster 795 ABS รีวิว

พูดถึงบิ๊กไบค์ของนักบิดแล้วคงพลาด คันนี้ไปไม่ได้กับแบรน์เจ้าเก่าอย่าง Ducati มาในรุMonster 795 ABS ที่มาทำให้นักบิดต้องเหลี่ยวมองกันเลยทีเดียว  ที่ทางค่ายดูคาติได้ออกแบบให้ไซส์เล็กลง ถือว่าเป็นการเจาะตลาดเอเชียเพื่อเพิ่มยอดขาย อีกทั้งยังมีฐานการผลิตในประเทศไทย ภาพรวมถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มีเส้นสายแห่งความเป็นสปอร์ต มากด้วยสมรรถนะ ทรงพลังแข็งแกร่งและดีไซน์ที่มีความลงตัว มีความเป็น Naked bike ไม่ว่าใครก็ต้องอยากมีโอกาสได้ลองขับเจ้าตัวนี้
ducati monster 795 abs เครื่องยนต์
Ducati Monster 795 พร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีขุมพลังแบบ L-Twin 803 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังแรงม้าถึง 87 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิด 8.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที โดยใช้ะบบควบคุมวาล์วไอดี-ไอเสียแบบไร้สปริงกดวาล์ว เพื่อลดปัญหาวาล์วลอยตัว เครื่องยนต์ให้กำลังรอบเครื่องและอัตราการเร่งสม่ำเสมอ ซึ่งต้องถือว่ามีทั้งความเร็วและแรงที่สุดเมื่อเทียบกับ Ducati รุ่นอื่น ๆ นอกจากสมรรถนะพื้นฐานแล้ว ยังใช้ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ใช้ระบบคลัทช์แบบเปียก APTC ที่มีการควบคุมด้วยไฮโดรลิค
ducati monster 795 abs Back
Ducati Monster 795 มีระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Marzocchi เทเลสโกปิคหัวกลับ ทำงานร่วมกับชุดแผงคอแบบทริปเปิ้ลแคลมป  ส่วนด้านหลังมีระบบกันสะเทือนแบบบโมโนช็อกของ Sachs ที่ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบอะลูมิเนียมทรงปีกนก สามารถปรับค่าสวิงได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ในด้านความปลอดภัยอื่นมาพร้อมกับระบบเบรกที่ยอดเยี่ยมและทรงประสิทธิภาพจาก Brembo ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีเบรกหน้าเป็นแบบทวินดิสก์ขนาด 320 มม.และเบรกหลังเป็นแบบซิงเกิ้ลดิสก์ขนาด 245 มม. ทำให้การหยุดหรือชะลอรถสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม
ducati monster 795 abs Face
ไม่เพียงแต่ความโดดเด่นในดีไซน์ที่กล่าวมาเท่านั้น ไฟหน้าดวงใหญ่ 1 ดวงที่ให้แสงสว่างและแจ่มที่สุด ทำให้คุณสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจนแม้เป็นช่วงเวลากลางคืนที่มืด แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลที่สามารถปรับหมวดต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ แต่มิติของตัวรถยังคงมีขนาดเท่าเดิมคือ มีความยาวและสูงเท่ากับ 2,100/1,060 มม.  ระยะห่างฐานล้อ 1,450 มม. ความสูงของเบาะนั่งคนขี่  770 มม. ซึ่งมีความลงตัวและเป็นขนาดรถที่เหมาะสม และการออกแบบใช้วัสดุแข็งทนทานและเบาอย่าง โมโต จีพี เป็นโลหะผสมที่เรียกว่าโครโมลี่ทำให้เจ้าMonster คันนี้มีน้ำหนัก 167 กิโลกรัมเท่านั้น
ส่วนราคา เจ้า Ducati Monster 795 ABS นั้นอยู่ที่ ราคา 449,500