logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มาทำความรู้จัก Kendama_เคนดามะ (ของเล่นพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่น)




ประวัติของเล่นพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า  Kendama มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ 
     Kendama (けん玉) เป็นของเล่นพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่นที่เพื่อนๆ มักจะเห็นตามการ์ตูนต่างๆ เป็นของเล่นที่ทำจากไม้เป็นรูปค้อน ร้อยเชือกกับลูกบอล ผู้เล่นจะต้องถือค้อนและแกว่งลูกบอลให้ไปอยู่บนถ้วยตรงหัวค้อนและที่ปลายด้ามจับที่เซาะร่องเพื่อให้สามารถวางลูกบอลได้ ร่วมถึงแกว่งให้ลูกบอลเสียบเข้ากับปลายแหลมของด้ามจับ (ผู้เขียนไม่เคยเสียบลูกบอลได้ซักที ยากโคตรๆ ได้แต่เอาไปวางไว้ในถ้วย)
bilboquet

     ต้นกำเนิดของ Kendama นั้น ในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้มีของเล่นคล้ายๆ กับเจ้า Kendama มีชื่อว่า bilboquet ซึ่งเจ้า bilboquet นี้เป็นที่นิยมมากในราชวงศ์ของฝรั่งเศส ต่อมาในช่วงปี 1777 bilboquet ก็ได้เดินทางมาสู่ประเทศญี่ปุ่นผ่านทางเส้นทางสายไหม ในข่วงนั้นจังหวัด Nagasaki เป็นจังหวัดที่เปิดการทำการค้าขายระหว่างประเทศ ในช่วงนั้น  bilboquet เป็นของเล่นที่นิยมเล่นหันในหมู่วงเหล้า ใครที่แกว่งลูกบอลมาอยู่ตรงถ้วยไม่ได้ ก็ต้องดื่มเหล้าให้หมด (โหด - -")

     ต่อมา bilboquet ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นให้มีถ้วยทั้งสองด้าน จนถึงปี 1919Hamaji Egusa ก็ได้จดสิทธิบัตรเป็นเจ้า Kendama ซึ่งรูปร่างก็ไม่ต่างจาก Kendama ในปัจจุบันมากนัก หลังจากนั้น Kendama ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นมาเรื่อยๆ จนได้มีการตั้งสมาคมเคนดามะแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Kendama Association (JKA) ขึ้น

Japan Kendama Association
Kendama ที่ได้มาตรฐาน ต้องมีตราสัญลักษณ์ของ JKA ด้วย

     บางคนเห็นเจ้า Kendama เป็นแค่ของเล่นธรรมดาๆ คงเข้าใจผิด เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการแข่งขันขึ้นอย่างจริงจัง เป็นเวทีให้เหล่านักเล่นเคนดามะมืออาชีพได้ประชันความเทพกัน บางคนเก่งขนาดว่าร้อยเชือกไว้ประมาณ 3 เมตร แต่ก็ตวัดลูกบอลขึ้นมาเสียบกลางด้ามได้ (เทพโคตร) 
Yamaki Hiroyuki หนึ่งในเซียน Kendama ผู้เคยคว้าชัยในงานแข่งระดับประเทศมาแล้ว
     มาถึงปัจจุบัน Kendama ได้รับความนิยมไม่ใช่แค่เฉพาะญี่ปุ่น แต่ยังเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยด้วย และก็ได้มีการคิดค้น Trick ใหม่เจ๋งๆ กันเยอะมากๆ เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจเจ้า Kendama ในประเทศไทยก็มีกลุ่มผู้เล่นเช่นกันครับ สามารถเข้าไปดูได้ที่http://www.facebook.com/#!/thailand.kendama.proskill ครับผม ซึ่งภายใน Page นี้ก็จะมีทั้ง Video สอนเทคนิคการเล่นรวมถึงจำหน่าย Kendama ด้วยครับ ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นกิจกรรมที่เพื่อนๆ ชอบก็ได้ (ส่วนผู้เขียนนั้นต้องขอบาย เพราะไม่ไหวจะเคลียจริงๆ - -")

ของเล่นพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า  Kendama มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ 

     บางคนเห็นเจ้า Kendama เป็นแค่ของเล่นธรรมดาๆ คงเข้าใจผิด เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการแข่งขันขึ้นอย่างจริงจัง เป็นเวทีให้เหล่านักเล่นเคนดามะมืออาชีพได้ประชันความเทพกัน บางคนเก่งขนาดว่าร้อยเชือกไว้ประมาณ 3 เมตร แต่ก็ตวัดลูกบอลขึ้นมาเสียบกลางด้ามได้ (เทพโคตร) 
Yamaki Hiroyuki หนึ่งในเซียน Kendama ผู้เคยคว้าชัยในงานแข่งระดับประเทศมาแล้ว
     มาถึงปัจจุบัน Kendama ได้รับความนิยมไม่ใช่แค่เฉพาะญี่ปุ่น แต่ยังเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยด้วย และก็ได้มีการคิดค้น Trick ใหม่เจ๋งๆ กันเยอะมากๆ เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจเจ้า Kendama ในประเทศไทยก็มีกลุ่มผู้เล่นเช่นกันครับ สามารถเข้าไปดูได้ที่http://www.facebook.com/#!/thailand.kendama.proskill ครับผม ซึ่งภายใน Page นี้ก็จะมีทั้ง Video สอนเทคนิคการเล่นรวมถึงจำหน่าย Kendama ด้วยครับ ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นกิจกรรมที่เพื่อนๆ ชอบก็ได้ (ส่วนผู้เขียนนั้นต้องขอบาย เพราะไม่ไหวจะเคลียจริงๆ - -")

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บ้านร้าง......เมืองร้าง

เมืองร้างบนโลกใบนี้ 



1.Abandoned Medieval Town of Balestrino, Italy 


ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้ใครเป็นผู้เริ่มสร้าง แต่ในปี1100 สำนักสงฆ์Benedictineแห่งSan Pietro dei Montiได้กล่าวอ้างถึงความเป็นเจ้าของ จริงๆแล้วมีหลายประเทศสร้างมันขึ้นมา คงเป็นเพราะภาวะสงครามในสมัยก่อน มีการแย่งอาณานิคมกัน ปัจจุบันจะพบเห็นปราสาทที่อยู่ส่วนบนสุดของเมืองและซากกำแพงเมืองที่ยาว เยียดตลอดจนต้นมะกอกที่เรียงรายกันโดยรอบถือได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามแห่ง หนึ่ง ส่วนเหตุที่ต้องกลายเป็นเมืองร้างปราศจากผู้คนเพราะเหตุแผ่นดินไหวนั่นเอง 

 





2.Abandoned City & Commune of Oradour, France 


ในช่วงจุดเดือดของสงครามโลกครั้งที่สอง จากคำบอกเล่าของนายทหารเยอรมันผู้หนึ่ง นี่เป็นผลพวงจากความโหดร้ายในการสังหารหมู่ เด็กๆและผู้หญิงถูกต้อนราวกับฝูงแกะเข้าไปในโบสถ์ และถูกเผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายก็ถูกทรมานด้วยการยิงที่ขา ให้ตายอย่างช้าๆในโรงนา ปัจจุบันซากของเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่โหดร้าย และชาวเมืองOradousได้ย้ายถิ่นฐานของตนไปยังเมืองใกล้ๆ คงเหลือไว้แต่เพียงซากความทรงจำที่แสนเจ็บปวด 







3.Abandoned Island City of Hashima, Japan 


เกาะ Hashima อยู่ห่างจากเมือง Nagasaki ประมาณ 15 กิโลเมตร ทุกวันนี้เป็นเกาะร้างไม่มีใครอยู่อาศัย (ในญี่ปุ่นมีเกาะประมาณ 505 แห่งที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย) ทั้งที่ครั้งหนึ่งระหว่างปี 1890 ถึงปี 1974 เกาะ Hashima เป็นเกาะที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดคือ 835คนต่อหนึ่งเฮคเตอร์ 


Mitsubishi บริษัทชื่อดังของญี่ปุ่น ซื้อเกาะ Hashima แห่งนี้เมื่อปี 1890 ด้วยโครงการที่จะขุดเอาถ่านหินจากใต้ทะเลขึ้นมาใช้ มีการสร้างตึกคอนกรีตขนาดใหญ่ และที่พักสำหรับคนงานบนเกาะและกำแพงสูงเพื่อป้องกันพายุไต้ฝุ่น แต่พอย่างเข้าทศวรรษ 1960 น้ำมันเข้ามามีบทบาทแทนถ่านหิน ทำให้เหมืองถ่านหินทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ และรวมถึงเหมืองถ่านหินบนเกาะ Hashima ด้วย 


ในที่สุดเมื่อปี 1974 Mitsubishi ประกาศปิดเหมืองบนเกาะนี้อย่างเป็นทางการ ผู้คนบนเกาะซึ่งล้วนเป็นพนักงานของ Mitsubishi และครอบครัวของพนักงานเหล่านี้ถูกอพยพจากเกาะ ทำให้เกาะ Hashima เปลี่ยนสภาพจากเกาะ ที่เคยมีผู้อยู่อาศํยอย่างหนาแน่นกลายเป็นเกาะร้างในพริบตา เกาะ Hashima ก็เลยถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ghost Islands 


จนถึงปัจจุบันนี้ Mitsubishi ยังคงไม่อนุญาตให้ใครก็ตามขึ้นไปบนเกาะแห่งนี้ Okazaki Ritzuko นักร้องและนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น (เสียชีวิตแล้ว) ก็เกิดที่เกาะแห่งนี้ 







4.Abandoned Desert Ghost Town of Kolmanskop, Africa 


Kolmanskopเมืองร้างที่อยู่ในทวีปแอฟริกาที่เต็มไปด้วยซากสถาปัตยกรรมสไตล์ เยอรมัน ลักษณะเมืองเหมือนดังเช่นในเยอรมันทั่วๆไป มีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีไฟฟ้าโรงหนังและยังมีคาสิโนอีกด้วย ที่นี่เคยเป็นแหล่งค้าเพช็รที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาด้วย แต่หลังจากตลาดเพช็รแห่งนี้เกิดประสบปัญหาบางอย่าง ชาวเมืองก็ต่างพากันอพยพออกไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งความเจริญที่ตกอยู่ภายใต้ผืนทรายเท่านั้น 







5.Abandoned Area of Varosha, Cyprus 


แต่เดิมพื้นที่แห่งนั้นมักจะมีปัญหาความขัดแย้งกันรหว่างประเทศ เดิมใช้ชื่เรียกว่าFamagustaและถูกสร้างเป็นรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ในปี1970ตุรกีได้บุกรุกและอ้างสิทธิพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นของตัว เอง และได้สร้างรั้ว ติดป้ายคำเตือนต่างๆโดยรอบ แต่หลังจากนั้นพื้นที่ก็ไม่ได้ถูกใช้งานอะไรเลย จนปล่อยให้ร้างและทรุดโทรมลง 







6.Abandoned Gulag Concentration Camp 


ค่ายกักกันGulagตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย(คาดว่าน่าจะอยู่ในสมัยของนายพลสตา ลิน) ที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่สำหรับปฏิบัติงานและคุมขังนักโทษและมีซากของคนตาย เกลื่อนไปหมด นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำให้มันร้างในปัจจุบัน(ใครจะไปอยู่ล่ะ) 





7.Abandoned Town of Centralia, Pennsylvania 


เหมือนกับว่าเมืองจะมีปัญหาต่างๆเช่น มีกลุ่มควันแก๊สพุ่งขึ้นมาบนทางหลวง อุณหภูมิน้ำที่สูงผิดปกติเลยทำให้ชาวเมืองค่อยๆอพยพออกไป 



ภาพอดีตและปัจจุบัน 


8.Abandoned Flooded City of Quabbin, Massachusetts 


อ่างเก็บน้ำQuabbinเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองMassachusetts บริเวณนี้ยังประกอบด้วยเมืองเล็กๆอีก4เมืองและยังมีถนน รางรถไฟ อาคารสาธารณะ อนุสาวรีย์ และหลุมศพ ซึ่งเคยถูกน้ำท่วมอย่างหนัก 





9.Abandoned War-Torn City of Agdam, Azerbaijan 


หนึ่งในเมืองของAzerbaijanที่มีความหนาแน่นของประชากรและความเจริญรุ่งเรือง โดยการยึดครองของชาวอาเมเนียน แต่ในที่สุดก็ไม่พ้นที่จะต้องกลายเป็นเมืองร้างเพราะพิษสงคราม ปัจจุบันยังมีนักผจญภัยทั้งหลายคอยเข้าไปเก็บภาพสิ่งที่เหลือของชาวเมืองนี้ ก่อนที่จะไม่มีใครได้เห็นมันอีก 





10.Abandoned Resort Town of Yashima, Japan 


เมืองYashima อยู่ในเขตพื้นที่ราบสุงของของเกาะแห่งหนึ่งในยี่ปุ่น ในปีค.ศ.1980ขณะที่เสรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่สูงสุด นักลงทุนต่างพากันมาสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่นี่ บนเกาะเล็กๆแห่งนี้เต็มไปด้วยรีสอร์ทที่พักถึง6แห่งร้านค้าต่างมากมาย แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดพลิกผันเมื่อนักลงทุนล้มละลายเพราะไม่สามารถดึงลูกค้า ต่างชาติไว้ได้ หมู่บ้านจึงถูกปิดตัวลงและทิ้งทุกอย่างไว้ไม่ว่าจะเป็นของในร้านค้า เฟอร์นิเจอร์ต่างๆและเศษซากต่างๆไว้ 







11.Abandoned Disaster City of Beichuan, China 


การทำลายล้างอย่างฉับพลันของแผ่นดินไหว ทำให้ตึกต่างๆในเมืองBeichuanในประเทศจีนต้องพังพินาศ ผู้คนนับพันต้องตาย อีกราว1หมื่นคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ขอบเขตของความเสียหายที่มากเกินจนไม่สามารถสร้างเมืองขึ้นใหม่ได้ในที่เดิม จนต้องปล่อยให้กลายเป็นเมืองแห่งซากปรักหักพังต่อไป 







12.Abandoned Ghost Town of Cairo, Illinois 


เมืองCairoถูกสร้างขึ้นในยุคกลางของศตวรรษที่19 เป็นแหล่งที่ให้บริการเรือขนส่งทางอุตสาหกรรมและเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญอีกด้วย ยังไม่พอยังเป็นฐานปฏิบัติงานของทหารในยุคสงครามกลางเมืองอีกด้วย แต่แล้วในปี1920จนกระทั่งปี2000จำนวนประชากรในเมืองลดลงอย่างน่าใจหาย จากประชากรราว15,000คนลดลงเหลือเพียง2,000คน แต่ผู้คนที่ยังเหลืออยู่ยังคงรักษาอาคารก่อสร้างและส่วนต่างๆไว้ในรูปแบบเดิม(สรุปคือเกือบร้าง เพราะประชากรเหลือน้อย) 







13.Deserted Floating City of Oily Rocks, Azerbaijan 


ชายฝั่งทะเลของประเทศAzerbaijanที่มีความเจริญเติบโตจากอุตสาหกรรมน้ำมันดิบที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ จนทำใหบริเวณนี้กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งไปด้วยบ้านเรือนผู้คน โรงเรียน ห้องสมุดประชาชน ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานและครอบครัวของพวกเขา เพราะภูมิสภาพเป็นดังแผ่นเหล็กลอยน้ำจึงทำให้บางส่วนเริ่มจมลงและถูกคลื่นทะเลซัด แต่ไม่ถึงกับทั้งหมดทีเดียวเพราะยังเหลือร่องรอยที่ถูทิ้งให้รกร้างไว้ดูต่างหน้าอยู่ 





14.Deserted Village of Villa Lago Epecun, Argentina 


หลังจากการเปลี่ยนแปลงของสายน้ำอย่างถาวร Villa Lago Epecunถึงตกอยู่ในสภาพเมืองบาดาลอยู่นาน จนหลังจากระดับน้ำลดลงจนทำให้เห็นสภาพของซากอาคารต่างๆและตันไม้ที่เรียงรายกันเป็นแนว ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปแล้วแต่ก็ไม่มีชาวเมืองคนใดหวนกลับมาใช้ชีวิตที่หมู่บ้านนี้อีกเลย 





15.Deserted Town of Castelnuovo de’ Sabbioni, Italy 


หมู่บ้านร้างที่น่าพิศวงแห่งCastelnuovo de’ Sabbionประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บนภูเขาเล็กๆใกล้กับเมืองArezzo ส่วนเรื่องสาเหตุของมัน นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะเหมือนว่ามันยังเป็นปริศนาอยู่ 







16.Deserted Walled Medieval Town of Craco, Italy 


เมืองร้างที่ถูกปิดรอบไปด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองCraco เมืองที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง400ฟุต ถูกสร้างขึ้นศริสต์ศักราช500 แต่ดังต้องคำสาป เมืองแห่งนี้ถูกภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือนและสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวที่เป็นเหมือนลางร้ายที่นำพาให้เมืองล่มสลาย ใน 
ปี1960 ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไปเพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว 





17.Wild West Ghost Town of Bodie, California 


เมืองBodieรัฐCalifornia เป็นหัวใจสำคัญของชายแดนแห่งเมืองตะวันตกที่มีร้านประเภทSaloon12แห่ง แถมยังมีย่ายไชน่าทาวน์อีกด้วย เมืองที่มีกลิ่นอายของคาวบอย การทะเลาะวิวาทกันในบาร์ การปล้นรถม้าโดยสาร และอื่นๆสารพัดตามสไตล์ตะวันตกเพราะเหตุนี้ทำให้ชาวเมืองทยอยจากไป ตลอดระยะเวลาการก่อตั้งเมืองความเจริญรุ่งเรืองมาสิ้นสุดในศตวรรษที่20 แต่ปัจจุบันได้รับการพื้นฟูสภาพตัวเมืองให้ใกล้เคียงกับอดีตมากที่สุด 







18.Deserted Ghost City of Humberstone, Chile 


Humberstoneถูกสร้างขึ้นรอบอุตสาหกรรมการขุดแร่ โซเดียมและดินประสิว ขณะนั้นเศรษฐกิจของชาวอเมริกันอยู่ในช่วงตกต่ำสุดๆ และต่อมาเศรษฐกิจค่อยๆพื้นตัวขึ้นและความสนใจในอุตสาหกรรมที่เมืองนี้ทำอยู่ก็ลดน้อยลง ที่แห่งนี้ก็เลยถูกปล่อยให้รกร้างลง 





19.Deserted Mining Town of Pyramiden, Sweden 


ย่านอุตสาหกรรมถ่านหินของสวีเดนที่ถูกขายทอดต่ออดีตสหภาพรัสเซียก่อนคริสต์ศักราช1920 ภายหลังรัสเซียประก่ศว่าเมืองนี้ไม่มีความจำเป็นและไม่มีผลผลิตตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ ประชากรทั้งหมดก็ถูกถอดทัพออกไปอย่างฉับพลัน 







20.Deserted Mining Town of Sewell, Chile 


เมืองSewellถูกสร้างขึ้นมาอย่างซับซ้อนในเทือกเขาแอนดิสในประเทศชิลี และเคยเป็นบ้านพักของคนงานกว่า15,000คน การเดินทางต้องทางรถไฟแล้วต่อด้วยการเดินเท้า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าด้วยการเดินทางที่แสนไกลนี้จะทำให้กลายเป็นเมืองร้างรึเปล่า แต่ที่สำคัญข้างใต้เมืองนี้ยังครอบคลุมไปด้วยเหมืองแร่ทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย 







21.Abandoned Mountain Town of Sardinia, Italy 





22.Deserted Resort Village of San Zhi, Taiwan 


เรื่องจริงของหมู่บ้านร้างแห่งนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ผู้สร้างพยายามสร้างหมู่บ้านนี่ให้เป็นที่พักในวันหยุดเป็นบ้านพักที่อยู่บนน้ำอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็ดันมีปัญหาในตอนสุดท้าย ชิ้นส่วนไฟเบอร์กลาสที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านทรงจายบินเหล่านี้เกิดผุกร่อนลงและทำให้บางส่วนมันพังลงมา ชาวบ้านละแวกนั้นเชื่อว่าสถานที่ 
ตั้งแห่งนั้นมีอาถรรพ์เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีก 





23.Deserted Walled City of Kowloon, Hong Kong 


จากสภาพเมืองที่เป็นเหมือนกำแพง ไม่มีแสงและอากาศบริสุทธ์ถ่ายเท ความแออัดจนทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมายเช่นอาชญากรรม จนในที่สุดรัฐบาลมีคำสั่งให้ถอดถอนอพยพคนออกไป 









24.Ancient Sunken City of Alexandria, Egypt 


เมืองแห่งประวัติศาสตร์ของAlexandriaที่หายสปจนไปกว่า1,600ปี ไม่ว่าจะเป็นละครเวทีที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของที่เกี่ยวเนื่องกับCleopatra, Julius Caesar, Marc AntonyและOctaviusล้วนถูกจมหายภายใต้กระแสน้ำ นักโบราณคดีค้นพบว่าทุกสิ่งจมอยู่ใต้น้ำหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ สถานที่แห่งนี้เคยมีประชากรถึง500,000คน ถ้าจะบันทึกประวัติศาสตร์แห่งนี้อาจต้องใช้บัญชีหางว่าวมากกว่า7แสนเล่ม