บทความและรูปภาพนี้มาจาก http://www.cookiecoffee.com/
อยู่ที่ Tokyo] ครั้งนี้ของคุณ Cookie ชักจะเริ่มเป็นปัญหา เพราะว่าผมไม่ได้ติดรองเท้าสำหรับวิ่ง Jogging มาด้วย…
“オン ランニングはナンバー One !”
คือคำแนะนำของพนักงานร้านรองเท้าวิ่งและอุปกรณ์กีฬาใน Tokyo, แปลว่า “รองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดต้อง On Running !”
แปลกทีเดียว, กับการที่คนญี่ปุ่นแนะนำ Product ซึ่งไม่ใช่ “Made in Japan” แต่มันก็ยิ่งทำให้ “On Running” น่าสน
พอพลิกๆ ดูก็เห็นคำว่า “CloudTec” และ “Swiss Engineering“
ผม Googling ทันที, รู้สึกว่าในไทยยังไม่มีรองเท้าวิ่งที่ชื่อ “On Running / ออนรันนิง” เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ แต่มันก็คว้ารางวัลมามากมายทั่วโลกจริงๆ อาทิ “Best Performance & Design Prize Switzerland 2013″
และ “Brand New Award for Innovation in Sport for the Olympics” ในปีเดียวกัน
ด้วย Concept ง่ายๆ ว่า “วิ่งบนก้อนเมฆ [Run On Clouds]”
ดังนั้น, ชื่อรุ่นรองเท้าของ On Running จึงเกี่ยวกับ “Cloud” ทั้งหมด
เช่น On Cloud Runner / On Cloud Surfer และ On Cloud Racer
ขึ้นกับว่าตัวนักวิ่งต้องการสมรรถนะ / น้ำหนักและโครงสร้างของรองเท้าแบบไหน…
“On Cloud Racer” ซึ่งเบาที่สุดในบรรดา On Running บอกเลยว่าถูกสร้างมาเพื่อ “ทำให้ 1 วินาทีหายไป”
มันคือรองเท้าที่เกิดมาเพื่อใช้แข่งขันโดยเฉพาะ, แค่ 1 วินาทีก็มีความหมายมากในโลกแห่งความเร็ว…
น้ำหนักของ On Cloud Racer ก็เบาจนถือขึ้นมาแล้วตกใจ, คือมันวูบเลยครับ :)
แต่ถ้าใครอยากได้รองเท้าสำหรับวิ่ง Jogging ออกกำลังกายสบายๆ ก็อาจเลือก “On Cloud Runner”
ส่วนผมอยู่กลางๆ ระหว่าง On Cloud Racer และ On Cloud Racer อีกที,
ทาง On Running ก็มีรุ่น “On Cloud Surfer” ให้เลือกอีกตัว
สุดท้ายก็ได้ “On Running” มาหนึ่งคู่, ราคา 13800 Yen [หลังทำ Tax Refund] ข้างกล่องเขียนว่า “On Cloud Surfer Dark Flame” เพราะสีของมันคือเทาส้มและผมก็ลองใส่เดินออกจากร้านมา รู้สึกเลยว่าเหมือนมี “สปริง !”
นี่คงเป็น “CloudTec”, Patent ที่ทาง On Running Switzerland จดไว้
หมายถึงการใช้วัสดุแบบ “Zero Gravity Foam” ที่ทำให้นักวิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก
และรองเท้า On Running รุ่นที่เบาสุดก็แค่ 168 g
สรรพคุณของ On Running แต่ละรุ่นก็มากมาย
ทว่า ทั้งหมดนี้ยังไม่สำคัญเท่าใส่แล้วสบาย สามารถรองรับการวิ่ง Jogging ยาวๆ จริงๆ ของเราได้รึไม่ ?
[แต่ผมก็อยากจะลองใส่ On Cloud Surfing แล้ววิ่งออกจากร้านเลยทีเดียว :)]
เดี๋ยวไว้ลองวิ่ง Jogging ใน Tokyo สัก 3 – 4 วันแล้วจะกลับมา Review ลง Blog กันอีกที
แต่ที่อยากเล่าอีกอย่างก็คือ “ประสบการณ์การซื้อรองเท้าวิ่งที่ญี่ปุ่น” เพราะคุณพนักงานจะใส่ใจแบบสุดๆ, พยายามอธิบายทุกสิ่งระหว่างที่ “นั่งคุกเข่าลงกับพื้นร้านเพื่อผูกเชือกรองเท้า” ทั้งสองข้าง หลังจากหยิบมาให้ผมลองทั้ง 3 สี !
และก็พยายามขั้นสุดในการอธิบายว่า “CloudTec” คืออะไร, วัสดุแบบ “Zero Gravity” ไร้น้ำหนักขนาดไหน
[เอาแค่ให้ผมทำ Presentation เรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษยังยากเลย :)]
อีกสิ่งที่ดีคือร้านรองเท้าวิ่งและอุปกรณ์กีฬาในญี่ปุ่นมักจะมีลู่วิ่งขนาดเล็กๆ วางไว้หรืออย่างคราวก่อนที่ผมซื้อรองเท้าผ้าใบแถว Shinjuku เพื่อปีนยอดเขา Fuji แบบกระทันหัน, ก็มีเหมือนแท่นหินจำลองให้ปีนดูด้วย !
รองเท้า 3 คู่ล่าสุดของผมก็ซื้อที่ญี่ปุ่นทั้งหมด, มีประกัน 14 วันสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ ถ้ามีใบเสร็จ
มันดีกว่าการซื้อรองเท้าวิ่งคู่ละ 5 – 6 พันในไทยตรงที่บ้านเราไม่มีการจำลองบริเวณให้ลอง
และพอถือของเดินออกจากร้านไปก็ไม่สามารถ Claim อะไรได้…
สรุปว่าเดี๋ยวคืนนี้จะไปลอง On Running จริงๆ, แล้วมา Review ลง Blog อีกที ว่าการวิ่งบนก้อนเมฆมันเป็นเช่นไรครับ
ลองมาวิ่งจริงที่สวนอุเอโนะ [Ueno Park], แบกมาทั้งกล่องเลยด้วยความเห่อ :)ั
ตัวกล่องของรองเท้า On Running เองก็ Designed มาสวย, ด้วยแนวคิด Minimalism [จริงๆ ตั้งแต่ Logo ของ Brand ก็ดู Minimalism สุดๆ แล้วละนะครับ คือมีแค่ตัว “O” และ “N” เท่านั้น]
หน้าตาของ On Cloud Surfer Dark Flame ของผมก็เป็นเช่นนี้
ที่ตัวเชือกเองก็บอกว่ามี Technology ใหม่, ทำให้ร้อยง่ายและปรับความกระชับเข้ากับเท้าเองขณะวิ่ง
ตรงลิ้นรองเท้ามีเขียนกำกับไว้ชัดเจนเลยว่า “Swiss Engineering”
น้ำหนักของ On Cloud Surfer ถือว่ามากนิดหน่อยที่ 285 g, เพราะมันออกแบบมาสำหรับทั้งวิ่งแข่งทั้ง Jogging
ซึ่งผมว่า Ok กว่า, อยากได้รองเท้าที่มีมวลประมาณหนึ่ง [แต่ถ้าใครอยากได้รุ่นที่เบาสุดๆ ก็ต้อง On Cloud Racer]
พื้นด้านล่างของ On Running เกือบทุกรุ่นจะเป็นแบบนี้, เหมือนมีสปริงติดเพื่อเพิ่มแรงถีบให้กับนักวิ่ง โดยเราจะรู้สึกได้จริงๆ จากการใส่รองเท้าแล้วกระโดดสูงๆ หรือออกตัวซ้ายขวาไวๆ ซึ่งก็น่าจะช่วยได้สำหรับใครที่เน้นวิ่งแข่ง
ที่ผมชอบมากบน Website ของ On Running Japan ก็คือ มันมีบอกความเร็วเฉลี่ยที่เหมาะกับรองเท้าแต่ละรุ่น
On Cloud Surfer คือคนที่อยากวิ่งได้ 1 KM ในเวลา 5 นาที
แต่ถ้า On Cloud Racer คือคนที่อยากลดลงอีก 1 นาที, เพื่อทำลายสถิติของตนให้เป็น 1 KM ภายใน 4 นาที !
ดังนั้น On Cloud Racer ก็จะเบามาก, ความหนาของรองเท้าแทบไม่มีและยังระบายอากาศขั้นสุดยอด
ส่วน On Cloud Surfer ก็มีมวลเพิ่มอีกนิด แต่สวมใส่สบาย สามารถเดิน Shopping แถว Ginza & Roppongi ได้ :)
ที่ประทับใจผมสุดๆ ในรองเท้าวิ่ง On Running ก็คือแรงสปริงตัว…
On Running แต่ละรุ่นก็ราคาไม่ได้แพงมาก, เริ่มที่ 11000 – 15000 Yen หรือก็คือ 2800 – 4000 บาท ซึ่งก็ถือว่ากำลังดีสำหรับคนที่เริ่มวิ่งจริงจัง เพราะรองเท้าที่ดีช่วยให้เราไม่ต้องจ่ายค่าผ่าตัดหัวเข่าอีก 8 แสนบาทในอนาคตครับ…
“オン ランニングはナンバー One !”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น