logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักกล้าม




                                                                    ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักกล้าม
        ร๊อบ ฟอร์ทเน่ เป็นนักเดินทาง และยังชื่นชอบกีฬาเพาะกาย เป็นชีวิตจิตใจด้วย เขาได้เข้ามาร่วมงานกับเรา (สำนักพิมพ์ Musclemag) ในตำแหน่ง ผู้ช่วยบรรณาธิการ ได้ 5 เดือนแล้ว ตั้งแต่แรกที่เราได้คุยกับเขา ตอนสัมภาษณ์เข้าทำงาน เราก็รู้แล้วว่า มีอยู่สองสิ่งที่เขารักมากที่สุด อย่างที่ 1 คือ ได้เพาะกายแบบเข้มช้น (Hardcore) จนกว่าจะค้นพบ ศักยภาพของตนเอง และ 2 ขอให้ได้มีโอกาส สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองเวนิส (Venice) ที่แคลิฟอร์เนีย ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของนักเพาะกาย ได้จริงๆสักครั้ง คุณคงจะนึกภาพออกนะครับว่า ร๊อบจะทำสีหน้ายังไง เมื่อรู้ว่าผม (บรรณาธิการ) บอกให้รู้ว่า เขาจะต้องเดินทางไป Muscle Beach เพื่อทำสกู๊ปเกี่ยวกับยิมต่างๆที่นั่น และต่อไปนี้ คืองานที่เขาส่งมาให้เราถ่ายทอดให้คุณครับ - บรรณาธิการนิตยสาร MuscleMag



           เมืองเวนิส แคลิฟอร์เนีย เปรียบได้กับ "เมกกะแห่งโลกนักกล้าม" หากมีโอกาสแล้ว นักเพาะกายทุกคน จะต้องมาจาริกแสวงบุญที่นี่ ที่ๆคุณ จะได้เจอแชมป์ตัวจริงเสียงจริง จนคุณต้องหยิกตัวเอง ว่ากำลังฝันไปหรือเปล่านะ และที่นี่ยังมี Muscle Beach ชายหาดที่มีชื่อเสียงขึ้นมา พร้อมกับอาโนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ,แฟรง เซน ,เดฟ เดรเปอร์ ให้คุณได้ระลึกถึงยุคทอง ของนักเพาะกายด้วย
ยิมแห่งแรก ที่เป็นต้นตำรับของโกลด์ยิม (Gold's Gym) อยู่ที่ถนนแปซิฟิค แม้ว่าตอนนี้มันไม่ได้เปิดให้บริการแล้ว แต่ตึกดังกล่าวก็ยังตั้งอยู่ที่นั่น เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ให้เราได้ดูกัน ผมเดินไปที่หน้าประตู เพื่อที่จะถ่ายรูปมาให้คุณดู (ด้านบน) ทันทีที่ผมยืนอยู่หน้าประตู ผมได้สัมผัสถึงภาพแห่งอดีต ยุคทองของพวกเรา ยุคทองของนักเพาะกาย ยักษ์ใหญ่ออสเตรเลีย (หมายถึง อาโนลด์ ชวาลเซเนกเกอร์) กำลังยกลูกเหล็กอย่างหนักหน่วงที่ยิมแห่งนี้ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
โจ โกลด์ ผู้ก่อตั้งโกลด์ยิม หลังจากขายลิขสิทธ์ชื่อยิมนี้แล้ว เขาก็ได้เปิดยิมอื่นขึ้นมาอีก นั่นคือ World Gym ที่ดังไม่แพ้กัน ขึ้นแทบทุกมุมตึกในเมืองนี้อีกด้วย ส่วนยิมอื่นๆ ที่เปิดขึ้นทีหลัง แต่มีอนาคตที่สดใส ก็เห็นจะได้แก่ PowerHouse Gym ที่ปรากฏตามถนนสายหลักต่างๆ ในเมืองนี้ด้วย
แม้ว่าบางอย่างเปลี่ยน แต่ก็มีหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา สายเลือดใหม่ของนักเพาะกาย อันได้แก่ เฟล็ก วีลเลอร์ ,ลี เพรส ,คอเมียร์ ,ดิลเลท และแกรี่ สไตรดอม ยังซุ่มฝึก และสิงสถิตย์อยู่ในเมืองนี้ เพื่อสร้างตำนานนักกล้าม ให้เลื่องลือ สืบต่อจากรุ่นอาโนลด์
ตัวผมเองนั้น (ร๊อบ ฟอร์ทเน่) เป็นนักเพาะกายคนหนึ่ง ที่เกิดและโตใน โตรอนโต แคนาดา ดังนั้น ถ้าพูดถึงเมืองเวนิส ว่าจะได้มาเยี่ยมเยียนแล้วละก็ ช่างเป็นความฝันที่แสนไกลจริงๆนะ ผมได้ยินเรื่องที่นี่มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสเลย แต่แล้ว เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยบรรณาธิการของนิตยสาร Muscle Mag ทำให้ผมได้มีโอกาสพูดคุย และติดต่อกับเทพบุตรโลกนักกล้าม ได้แก่ เฟล็ก วีลเลอร์ และแชมป์คนอื่นมากมาย นับไม่ถ้วน ไม่มีอะไรจะน่าปลื้มใจไปกว่านี้อีกแล้ว และเริ่มเป็นเรื่องราวขึ้น เมื่อผมได้พบ และพูดคุยกับทอม แพล็ท Tom Platz เราพูดถึงท่าฝึกดีๆ และเคล็ดลับอย่างอื่น จากนั้นเราพูดกันถึงเรื่องที่เขา จะชวนผมไปบริหารที่เวนิส ที่ๆเขาบริหารอยู่ด้วย ผมทำเรื่องเสนอบรรณาธิการ เพื่อที่จะเอางานไปทำที่นั่นด้วย จะได้ไม่เสียเที่ยว ดีกว่าจะต้องลางานไปเที่ยวเฉยๆ รู้หรือเปล่าว่า ไม่ใช่เรื่องที่ขอกันง่ายๆนะ เพราะบรรณาธิการ ให้ผมทำตารางเวลา ให้เขาดูก่อนว่า จะไปถึงวันไหน วันไหนทำอะไรบ้าง นั่นเพราะเขาต้องการให้ผม ทำงานโดยใช้ทรัพยากร และเวลาให้คุ้มค่าที่สุด และแล้วในที่สุด งานของผมก็ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการได้
                ตอนเช้าวันเสาร์ ผมมาถึงเวนิชตะวันออก และทันทีที่ถึง ผมรีบเปลี่ยนใส่กางเกง ที่เดินสบายๆที่สุด คว้าเครื่องอัดเสียงขนาดเล็ก ตลับเทปพร้อม ถามว่าจะไปที่ไหนน่ะเหรอ? ก็ที่ยิมน่ะสิ จะมีที่ไหนน่าไปมากกว่านี้ล่ะ และด้วยความที่มันเป็นเมืองใหญ่ และผมก็อยากสนุกที่จะเดินทางยิมด้วยตัวเอง ทำให้ต้องหลงทางไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว ในที่สุดก็ยอมแพ้ จำยอมต้องขอความช่วยเหลือ จากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ถึงได้รู้ว่าเดินทางมาคนละทิศเลย เพราะว่าจุดที่ยิมอยู่หนาแน่นมากๆ จะอยู่ทางตอนใต้ของชายฝั่ง
"อย่างที่ผมบอกแล้วไงว่า สำหรับนักกล้ามอย่างเรา ไม่มีที่ไหนน่าเยี่ยมเยียน ไปมากกว่าที่นี่อีกแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้มาเหยียบที่นี่"

           ผมเดินทางอีกไกล ตามทางที่เขาบอกมา จนกระทั่งเดินอ้อมมุมตึก และแล้วใจผมก็รัวเป็นกลอง เมื่อเห็นยิมที่ผมค้นหามานาน ใช่แล้วมันคือ Gold's Gym ผมรีบเดินเข้าทางประตูหน้า และนับเป็นความประทับใจครั้งแรก ยากที่จะลืมเลือน เมื่อผมต้องทึ่งกับขนาดภายในของมัน อะไรมันใหญ่โตได้ขนาดนี้ ข้างในยิมนี้ แบ่งเป็นสี่ห้องใหญ่ ผมเดินสำรวจทุกห้องเลย แต่ก็ยังผิดหวัง ที่ยังไม่ได้เจอแชมป์สักคน

           เมื่อเจอโกล์ดยิมแล้ว ผมหายิมอื่นๆได้ไม่ยาก ผมออกจากโกล์ดยิม มาเข้า World Gym ได้พบกับ Don Ross อดีตนักมวยปล้ำ และนักเพาะกายรุ่นเก๋า กำลังบริหารร่างกายอยู่ เราได้คุยกันสักพัก ผมก็รีบเดินทางต่อ ตอนนี้ผมยอมรับว่า เมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เพราะตั้งแต่เดินทางมา ก็หาแต่ยิม ขึ้นลงรถโดยสารโดยตลอด แทบไม่ได้หยุดเลย ก็เลยเช่ารถรับจ้าง ขับย้อนถนนกลับไป จนได้เจอ Powerhouse Gym และเมื่อเข้าไปดูข้างในแล้ว ก็ต้องขอยกนิ้วให้กับยิมนี้ว่า เจ๋งจริงๆ จากนั้นผมก็ขับรถไปที่พัก ซึ่งก็คือมาริน่า แปซิฟิคโฮเต็ล
หลังจากทานมื้อค่ำที่แปซิฟิค และพักประมาณ 2 ชั่วโมง ผมก็ตีรถกลับไปที่ยิมอีก ไปที่ Powerhouse Gym ก่อนเลย เพราะรู้ว่าแชมป์ทั้งหลาย จะมาบริหารกันช่วงเวลานี้ แล้วก็ได้เจอลี เพรส ยืนอยู่ที่เคาเตอร์ของยิมจริงๆ ผมรีบวิ่งเข้าไปแนะนำตัว ว่าผมมาจากนิตยสารMuscleMag ลีทำตัวเป็นกันเองกับผมดีมาก เราได้สนทนากันสั้นๆ เพราะลีจะต้องเข้าไปบริหารต่อ ส่วนผมก็มีธุระต้องไปจัดการที่ Gold's Gym เพื่อเตรียมสถานที่ถ่ายรูปเหมือนกัน เมื่อแยกกันกับลีแล้ว ผมแวะเติมพลังงานอีกทีที่ภัตตาคาร FireHouse ซึ่งมีเจ้าของร้าน ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง เขาบอกว่าที่ร้านของเขานี้ มีนักเพาะกายระดับแชมป์หลายคน มาใช้บริการบ่อยๆ ผมก็รีบจดข้อมูลไว้ เผื่อว่าวันอื่นผมอาจจะได้ทำสกู๊ป สัมภาษณ์แชมป์ที่ร้านอาหารนี้ก็ได้




ยิ้มให้กล้องพร้อมกับซูเปอร์สตาร์ของโลก ลี เพรส

เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นขึ้นมา และทานอาหารเช้าที่โฮเต็ลที่ผมนอน จริงๆแล้วตามหมายกำหนดการของผมน่ะ ผมจะนัดเจอช่างภาพของบริษัท ที่จะเดินทางตามถึงในเย็นวันนี้ แล้วงานทุกอย่างก็จะเริ่มในวันอังคาร แต่อะไรทำให้ผมต้องวิ่งวุ่นตั้งแต่เมื่อวานน่ะหรือ คำตอบก็คือ ก็เพราะผมอยู่ในเมกกะแห่งนักเพาะกายไงล่ะ เวลาทุกวินาที มีไว้เพื่อให้ตักตวงอย่างแท้จริง แค่คิดว่าจะได้เจอแชมป์ แล้วฝันไปอีกว่า ได้มีโอกาสบริหารไปพร้อมกับพวกเขา ก็ทำให้ผมนอนแทบไม่หลับแล้ว
ผมเดินทางไปบริหารกล้ามหัวไหล่ ที่โกลด์ยิม เพื่อให้ร่างกายได้รับการบริหารตามตารางฝึก อีกทั้งอาจได้เจอใครพิเศษๆบ้าง แล้วก็เป็นอย่างที่คาด เมื่อผมกำลังบริหารท่า Press Behind neck อยู่นั้น ผมเห็นเดวิด และปีเตอร์ พอล พี่น้องฝาแฝดนักเพาะกาย ที่กลายเป็นดาราโด่งดังของฮอลลีวู๊ด เดินเข้ามาในยิม ซึ่งสำหรับคนที่นี่ อาจจะชินตา เพราะเขาบริหารอยู่ทุกวัน แต่สำหรับผมนั้น แม้ว่ายังยกน้ำหนักไม่ครบจำนวนครั้ง ผมก็รีบวางลง แล้วเข้าไปแนะนำตัวกับสองพี่น้องทันที เดวิดเอ่ยปากชวนผม บริหารกล้ามหน้าอกไปพร้อมกับเขาด้วย ซึ่งแม้ว่าจะบริหารกล้ามบ่าทิ้งไว้ แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะปฏิเสธ การได้เล่นกล้ามพร้อมกับเดวิด และปีเตอร์ เหมือนฝันที่เป็นจริงเลยทีเดียว

         หลังจากบริหารและขอถ่ายรูปกับเดวิด และปีเตอร์ ผมกลับมาอาบน้ำ ทานอาหารที่โฮเต็ลอีกครั้ง แล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากลี เพรส ที่ผมให้เบอร์โทรไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ลีบอกผมว่า เขาจะไปบริหารกล้ามหัวไหล่ ที่ Powerhouse Gym ตอนหกโมงเย็นวันนี้ และถามผมว่าต้องการจะไปร่วมด้วยไหม ผมตอบทันทีว่า "แน่นอน"
เมื่อเวลานั้นมาถึง มันช่างยิ่งใหญ่และหฤโหดจริงๆ ผมบริหารด้วยท่า Dumbbell Press น้ำหนัก 120 ปอนด์ ท่า Barbell Front Press ,Bent Over Dumbbell Lateral ,Rear Delt Machine ,Machine Shrugs โอ้... แทบตาย แต่ความเหนื่อยมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้คิดว่า สำหรับคนทั่วไป มีโอกาสเพียงหนึ่งในแสนเท่านั้น ที่จะได้ บริหารหน้าอกกับหัวไหล่ พร้อมกับซูเปอร์สตาร์ถึงสามคน ในวันเดียวกัน ผมแทบคลั่งเลยทีเดียวแหละครับ
ผมใช้เวลาวันอาทิตย์ และวันจันทร์ไปกับ การขับมาสด้า 323 ที่เช่ามา ขับกินลมเล่นไปตามถนน แปซิฟิกไฮเวย์ ขึ้นไปซันเซท ผ่านเบเวอรี่ฮิลล์ ฮอลลีวู๊ด และที่อื่นๆ แล้วเจอช่างภาพที่นัดไว้ จากนั้นก็โทรเน้นกับทอม แพลท ถึงเรื่องที่จะบริหารพร้อมกับผมในวันอังคาร แล้วทานอาหารที่ Fire House ก็พบกับ ลี เพรส และผู้ช่วยของเขาสองคนด้วย (นักเพาะกายแบบ hardcore (เข้มข้น) แทบทุกคน จะจ้างผู้ช่วยไว้ประจำตัว เพื่อช่วยในการบริหาร - webmaster)
วันอังคารตอนเช้าผมมาที่ World Gym ตามที่นัดไว้กับทอม แพลท โดยมีผู้ช่วยประจำตัวของทอม สองคนมารอก่อนล่วงหน้าแล้วคือ Francois Rodrigue และ Polo Nana จากนั้นทอมก็มาถึงด้วย รถเบนซ์สีแดง วันนี้ตามตารางฝึกที่ตกลงกันไว้ เราจะบริหารหน้าอกด้วยกัน จึงเริ่มกันที่ INCLINE BENCHPRESS โดยใช้เครื่องสมิทแมชชีน ทอมแนะให้ผมใช้เทคนิคมากมาย ตั้งแต่ Pyramid sets , forced reps ,negative และอื่นๆอีกมากมาย แพลท เขามีวิธีพูด วิธีกระตุ้นให้ผมใช้แรงทั้งหมดออกมา จนผมต้องจดเป็นสถิติส่วนตัวไว้เลย เพราะวันนี้ผมยกน้ำหนัก 144 กก. ได้ 11 ครั้ง และใช้น้ำหนัก 184 กก.ได้ถึง 2 ครั้ง จากนั้นเราก็จบลงด้วยท่า INCLINE FLY
          ช่วงเย็นของวันอังคาร ผมไปเดินหาแชมป์คนอื่น ตามยิม แล้วก็เจอ เฟล็ก วีลเลอร์ พร้อมครูฝึกส่วนตัวคือ ชาร์ล กลาส ผมเข้าไปแนะนำตัว แต่เป็นเพราะ เขากำลังบริหารอย่างเข้มข้น และผมก็ไม่ได้นัดหมายเขาไว้ก่อนด้วย ดูแล้วจะเป็นการรบกวนเขา ผมจึงคุยได้สักพัก ก็ขอตัวกลับมาพักผ่อน วันพุธ ผมไปเที่ยวดูหนัง ทานอาหารกับช่างภาพของบริษัททั้งวัน
         วันพฤหัสช่วงสายๆ ทอมโทรมาชวนผมบริหารกล้ามปีก แต่ผมลุกแทบไม่ขึ้นเลย จึงต้องขอปฏิเสธไป ซึ่งทอมก็ไม่ว่าอะไร ตกเย็นๆผมไปเดินดูตามร้านขายอุปกรณ์ เครื่องออกกำลังกาย และเข้าไปร้าน Max Muscle ที่มี Gred Reid ซึ่งเป็นนักเพาะกายระดับนานาชาติ และเป็นผู้จัดการร้าน ที่มีอัธยาศัยดีมาก ดูแลอยู่ หลังจากได้แนะนำตัว เขาก็อภินันทนาการเสื้อของ Max รุ่นเดียวกับที่ผมกำลังใส่อยู่ มาหนึ่งชุด ผมก็ขอเขาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมาด้วย
          วันศุกร์ เดฟ ฟิชเชอร์ กับซู ไพรซ์ ภรรยาของเขา มาเยี่ยมผมที่เวนิชนี่ด้วย เพราะเดฟเอง ก็เป็นผู้เขียนบทความ และตอบปัญหาในนิตยสารของเราด้วย ก็ต้องซี้กันเป็นธรรมดา เราพากันไปทานอาหาร แล้วก็เดินซื้อของกันตามร้านต่างๆ ในถนนสายหลักของเมือง จนกระทั่งเดฟกับซูไปแล้ว ผมกับตากล้อง จึงพากันกลับมาหาอะไรเย็นๆทานที่ Firehouse และแล้วผมก็ได้เห็นแกรี่ สไตรดอม ตัวจริง ที่ร้านนี้ด้วย โอ้..ผมชื่นชอบเขามานานแล้ว เราได้นั่งคุยกันสักพักหนึ่ง เขาก็สั่งอาหารมาทาน แต่ผมไม่ได้ทานด้วย เพราะพึ่งทานกับเดฟ และซูเมื่อไม่นานนี่เอง และแล้วสิ่งที่ผม และตากล้องเห็นมากับตา และนับว่า เป็นเรื่องที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ทั้งๆที่ผมเองก็เป็นนักเพาะกายเหมือนๆกับเขา แต่คุณจะไม่เชื่อสายตาเลยล่ะว่า แกรี่ ทานอาหารมาก มาก แล้วก็มากจริงๆ นี่อาจเป็นเคล็ดลับของเขาละกระมัง ที่ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งมนุษย์กล้ามเนื้อ ในวงการนี้ได้ยืนนาน 20 กว่าปีแล้ว




เดฟ และซู สองสามีภรรยานักเพาะกาย ลงทุนขับรถยนต์มาถึงที่นี่ เพื่อเยี่ยมผมโดยเฉพาะ

 


ถ่ายกับแกรี่ สไตรดอม หลังทานอาหารด้วยกัน

7 โมงเช้า และผมก็ไม่ต้องการพลาดเป็นครั้งที่สองแล้วด้วย ผมจะต้องเดินทางกลับในวันเสาร์ด้วยเครื่องบิน ก็เลยอยากจะเอาสภาพโทรมๆ หลังการบริหารอย่างหนักเกือบทุกวัน ไปให้ทางบ้านเห็นใจผมบ้างว่า ไม่ได้อยู่สุขสบายที่เวนิชนี่หรอก พรุ่งนี้ศึกหนักที่ผมต้องเจอก็คือ ทอม แพลท "The Ouadfather" (ทอม แพลท มีชื่อเสียงมาจากขนาดต้นขาเขา จึงมีการตั้งสมญานาม เอาคำว่า Quad ซึ่งแปลว่ากล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า ไปผสมกับคำว่า Father เลียนแบบหนังเจ้าพ่อเรื่อง The Godfather - webmaster)


ผมตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการท้องเสียในเช้าวันเสาร์ คงจะมีปัญหาเล็กน้อย กับอาหารที่สั่งมาทานบนห้อง แต่มันไม่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนตาราง ที่จะต้องทำวันนี้ลงได้หรอก จากนั้นผมและตากล้อง ก็พากันขับรถไปที่โกลด์ยิม ซึ่งมีทอม แพลท รออยู่ก่อนแล้ว ทอม บอกผมว่า เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จึงจะไม่บริหารพร้อมผมในวันนี้ แต่เขาจะไม่ไปไหน จะคอยดูแลตอนผมบริหารเป็นอย่างดี เอื๊อก! ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า นิยมความเจ็บปวดเวลาบริหาร เป็นอันดับต้นๆของโลก กำลังจะดูแลการฝึกของผม แล้วผมจะมีชีวิตรอดกลับบ้านหรือเปล่านี่

      เปาโล ,ฟรานคอส (สองผู้ช่วยฝึกของทอม) และผม วอร์มต้นขาด้วยท่า SQUATS โดยใช้น้ำหนักเบาสุดๆ แต่หลังจากนั้น.... ใช่แล้ว อย่างที่คาดไว้เลย ทอมให้ผมใช้น้ำหนัก ไต่จาก 61 กก. (135 ปอนด์) ไป 102 กก. (225 ปอนด์) ไป 143 กก. (315 ปอนด์) ไป 184 กก. (405 ปอนด์) ที่ผมจะต้องบริหารด้วยน้ำหนักทั้งหมด อย่างละ 10 ครั้งต่อหนึ่งเซท และแล้ว เข่าแทบอ่อน เมื่อทอมให้ผมใช้น้ำหนัก 207 กก. (455 ปอนด์) ทำ 10 ครั้ง ซึ่งผมต้องใช้ผ้าพันเข่าช่วยด้วย ไม่งั้นคงจบเห่ หลังจากทำเซทนี้เสร็จแล้ว ทอมให้ผม ลดน้ำหนักกลับไปใช้ 143 กก. (315 ปอนด์) อีกครั้ง ให้ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องนับจำนวนครั้ง ผมทำไปได้ไม่นาน ก็ต้องหยุด เพราะลูกตาผม มันกำลังจะระเบิดออกมานอกเบ้าอยู่แล้ว
แค่นั้นยังไม่ทำร้ายจิตใจมากพอ เพราะผมรู้สึกอยากตาย ในทันทีที่ทอมพูดขึ้นว่า "เราจะต่อกันด้วยท่า "LEG CURL" ในเซทแรกๆของท่านี้ ผมบริหารโดยใช้ลูกน้ำหนัก ตามที่ผมจะสามารถบริหารได้ แต่เซทหลังๆ ในแต่ละเซทนั้น เมื่อบริหารตอนใกล้จะจบเซท ประมาณครั้งที่ 12 - 13 ทอมจะใช้มือเพิ่มแรงกดให้กับผม ผมไม่เคยเจออะไรที่ทรมานสุดๆ อย่างนี้ในชีวิตการเพาะกายของผมมาก่อนเลย กว่าจะจบแต่ละเซทลงได้ อย่างกับว่านาฬิกามันหยุดเดินอย่างนั้นแหละ ทำไมมันถึงได้ยาวนานนัก เมื่อบริหารหมดทุกท่าแล้ว ผู้ช่วยฝึกทั้งสองคนของทอม ต้องช่วยกันหิ้วปีกผมลงจากเครื่องบริหาร ผมคงจะเดินไม่ได้เป็นอาทิตย์ละมั้งเนี่ย (ขณะที่บทความนี้ของผม ตีพิมพ์ในนิตยสาร ผมสามารถบริหารด้วยท่า SQUATS โดยใช้น้ำหนักถึง 227 กก. (500 ปอนด์) เป็นจำนวน 12 ครั้งเลยทีเดียว ต้องขอขอบคุณย้อนหลังไปถึงทอม ที่ทำให้ผมค้นพบศักยภาพตัวเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ผมทำได้แค่ 143 กก. (315 ปอนด์) เท่านั้น)
เมื่อการบริหารทั้งหมดจบลง เราก็พากันมาทานอาหารที่ Firehouse อย่าเรียกว่ากินดีกว่า น่าจะเรียกว่าพายุถล่มร้านคงจะเข้าที เพราะผมทานเยอะมากๆ หลังจากนั้นก็ร่ำลากับทอม และผู้ช่วยฝึกทั้งสองคนคือ ฟรานคอส และเปาโล สำหรับทอม แพลท ผมถือได้ว่า เขาคือหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดในชิวิต ที่ผมได้เคยพบพานมา
ตกดึก ผมและตากล้อง นั่งเครื่องบินจากแคลิฟอร์เนีย ไปแวะเยี่ยมครอบครัวผมที่ดัลลัส ผมไปหลับต่อที่โตรอนโต ด้วยการเดินทางด้วยเที่ยวบินนี้ ทำให้ผมได้มีช่วงพักผ่อนที่สุดสบาย หลังจากต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก ในการแสวงบุญที่เมกกะนักเพาะกายมาทั้งอาทิตย์ ทุกอย่างที่ผมหวังไว้ ก่อนที่จะไปเมกกะ ผมก็ได้รับมาครบถ้วนบริบูรณ์แล้่ว ไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่นิด และถ้ามีโอกาส ผมจะกลับไปเยี่ยมที่นั่นอีกครั้ง สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณเพื่อนแสนดีทุกๆคน ที่ผมเจอที่ Gold's Gym ที่ World Gym ที่ Powerhouse Gym และเพื่อนรักของผม ทอม แพลท และก็ไม่ลืม แกรี่ สไตรดอม ที่ให้เสื้อผ้ายี่ห้อคราซีแวร์ ที่เขาเป็นเจ้าของกิจการอยู่ มาให้กับผมไว้ใช้ด้วย 1 ชุด และท้ายสุดคือตากล้อง ที่ช่วยให้งานทุกอย่างสำเร็จลงได้ครับ
mecca5b.jpg

ไม่มีความคิดเห็น: