logo

ณัฏฐ์ โดย Nutt Krait

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้จริง เรื่องมือถือ ทุกข้อสงสัย ++แวะ ชมก่อนได้ครับ++


เบื้องหลังการผลิตมือถือ
เรื่องราวเหล่านี้ขอบอกเลยว่าได้มาจากเวปเอ็มไทยผู้โพสคือน้องPrincess trey ถือว่าเป็นบทความที่ดีและสำคัญยิ่งต่อเราทุกคน ผมเคยอ่านแบบผ่านๆในเวบต่างประเทศต่อก็ไม่ทันได้แปลจับใจความสำคัญของเรื่องเท่าไหร่ โชคดีที่น้องคนนี้เขาเอามาลงในฉบับภาษาไทย ต้องขอบคุณน้องเขาอย่างมาก

1,222,245,200,000 คือ ยอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2551 

จากสถิติ ของ Worldwatch institute ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพย์มือถือ 1 เครื่อง ในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ นับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น 
ทั้งๆที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้ทำอะไรออกมาสนองความต้องการมากนัก และระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้อยเกินไปกว่านั้น 
ในกลุ่มผู้ใช้มือถือที่เห็นเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจ เปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์ และได้ของที่ฉลาดสุดๆอยู่ในมือ 
แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความพอใจที่ได้อินเทรนด์นี้ 
ยอดขายหลายล้านๆเครื่องในแต่ละปี หมายถึง น้ำตา ฝันร้าย 
และ ความตายของชาวคองโกนับล้านชีวิต 
นี่ยังไม่นับรวม การฆาตกรรมหมู่ในป่าลึก , 
ความตายของกอริลล่ายักษ์ ที่อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา 
ตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึงสงครามร้ายแรงที่สุด 
ในประวัติศาสตร์แอฟริกาคือ โคลัมไบต์-แทนทาไลต์ 
หรือแร่โคลแทนที่พบมากในแอฟริกากลาง,แน่นอน...ในคองโก
ด้วยคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทำให้ผงแทนทาลัม 
ที่สกัดได้จากโคลแทน กลายเป็นวัตถุดิบจำเป็นที่อยู่ในมือถือ 
คอมพิวเตอร์,เพลย์สเตชั่นฯลฯ 
โคลแทน กลายเป็น black gold ในขณะเดียวกัน 
สงครามคองโกครั้งที่ 2 ทำให้แร่สีดำชนิดนี้ 
กลายเป็นแร่สีเลือด blood coltan 
เพราะการลักลอบทำเหมืองและส่งออกโคลแทน 
กลายเป็นแหล่งหารายได้ที่เติมเชื้อไฟให้กับAfrican World War 
ในจำนวนประเทศทั้ง8 ที่ติดหล่มสงคราม 
และกองกำลังติดอาวุธกว่า20กลุ่ม 
หลายกลุ่มหาผลประโยชน์จากพื้นที่คองโก 
ที่ประเมินว่ามีแร่โคลแทนมากถึง 80% ของปริมาณโคลแทนในโลก
การดิจิไทซ์โลก ถนนทุกสายจึงมุ่งไปที่พื้นดินของคองโก 
กองกำลังประชาธิปไตย กลุ่มปลดปล่อยรวันดาหรือ FDLR 
ที่มีชาวฮูตูเป็นแกนนำ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด 
ของการทำเหมืองแร่ในคองโกอย่างผิดกฏหมาย 
แม้จะต้องเสี่ยงจากการถูกปราบปรามจากรัฐบาลคองโก 
แต่FDLR และอีกหลายกลุ่ม 
ก็เห็นว่ามันเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าอยู่ดี 

เพราะแทนทาลัมเพียง 1 ปอนด์ทำเงินร่วม หมื่นบาท 
แทนทาลัม 1 ปอนด์ เป็นได้ทั้งตัวเก็บประจุในโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ 
และแปลงเป็น AK-47 พร้อมกระสุนให้กับกองกำลังติดอาวุธ 
หน่ำซ้ำในกระบวนการร่อนแร่หาโคลแทน 
แรงงานที่ถูกบังคับให้ทำเยี่ยงทาส ก็คือเด็กๆคองโกลีส 
ซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในบางพื้นที่ของคองโก 
ในเด็ก 100 คนจะมี 30 คน ที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน 
ไปกับการแยกโคลแทนออกจากเศษหินอื่นๆ
 
เรื่องมือถือเปื้อนเลือดถูกพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน 
บริษัทระ ดับโลกอย่าง Nokia,Ericsson,Moto,Acer ,Compaq 
ออกมาปฎิเสธเสียงแข็งว่า โคลแทนที่ใช้ในการผลิตของตน 
ไม่ได้มาจากคองโก แต่มีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้หามาให้ 
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บอกได้ว่า 
แทนทาลัมในมือถือที่พกติดตัวจนกลายเป็นอวัยวะที่33 
นั้นมาจากคองโกหรือเปล่า 
การตรวจสอบเส้นทางของแทนทาลัมนั้น 
ต่อให้ใช้วิธีตามไปดูถึงที่แบบกบนอกกะลา 
ก็ยังไม่สามารถบอกที่มาได้ 
โคลแทนได้ถูกลักลอบเอาออกนอกคองโก 
เข้าสู่ตลาดมืด และขายทอดต่อไปเรื่อยอีกอย่างน้อย 10 ทอด 
กว่าจะไปถึงผู้จัดหารายใหญ่ ที่บริษัทบิ๊กๆเลือกเป็นคู่ค้า 
ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัตถุดิบ 
มารองรับความต้องการการซื้อมือถือในตลาดโลก 
นอกจากจะมีส่วนสร้างประวัติศาสตร์เลือดให้กับอัฟริกาแล้ว 
ยังส่งผลร้ายต่อสัตว์ป่าด้วย สัตวป่าน้อยใหญ่ กอริล่า และช้างป่านับพัน ถูกฆ่าจากการโดนบุกรุกของมนุษย์เพื่อหาโคลแทน


เพราะในพื้นที่ๆขุดหาโคลแทน มันคือบ้านของ กอริลล่าภูเขา 
ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ ไม่กี่ร้อยตัว 
สัตว์ร่วมวงศ์กับมนุษย์ ที่แสนจะขี้อาย สุภาพ 
ไม่เพียงถูกเหมืองคุกคามถิ่นที่อยู่ 
พวกทำเหมืองยังล่าพวกมันเอาหัว บางทีก็ชำแหละนำเนื้อมากินด้วย

สวนสัตว์ในแอฟริกาหลายแห่ง รณรงค์การรีไซเคิลมือถือ 
เพื่อลดอัตราการใช้โคลแทนในการผลิตมือถือใหม่ 
ด้วยหลังจะชะลอการสูญพันธุ์ของกอริลล่าภูเขาในคองโกได้บ้าง 
แต่ดูเหมือนไม่ทันต่ออัตราการเติบโต 
ของอุปกรณ์ที่เป็น  มากกว่าใช้พูด  แต่ส่วนใหญ่  ก็ใช้แค่พูด  เท่านั้น 
ในทวีปแอฟริกาเอง พิษภัยจากมือถือคุกคามชีวิตและทรัพยากรตัวเอง 
แต่อัตราการใช้มือถือก็เพิ่มขึ้น 1000% 
เช่นเดียวกับจำนวนคนบริสุทธิ์ที่ล้มตายลง 
ในสงครามกลางเมืองคองโก ประมาณการณ์กันว่า 
นับแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปียุติสงครามอย่างเป็นทางการ 
ยังมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงรูปแบบต่างๆถึง เดือนละ 45,000 คน 
หรือ ปีละ 540,000 คน ตัวเลขนี้ยัง ไม่รวมถึง 
ผู้หญิงหลายหมื่นที่ถูกทารุณทางเพศ 
ของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เพียงแต่พวกเธอยังไม่ตาย 
1,222,245,200,000 กับ 540,000 อาจมีหน่วยนับต่างกัน 
แต่อัตราการขยายตัวกลับแปรตามกันอย่างน่ากลัว 
ถ้าความอินเทรนด์ของคุณ นำมาซึ่งตัวเลขที่มีหน่วยศพเพิ่มมากขึ้น 
คุณยังอยากเปลี่ยนมือถือทัชสกรีนมาใช้เล่นอีกสักเครื่องไหม ...!?!
ขอบคุณน้องPrincess trey จากเอ็มไทย และรูปภาพจากgoogle.com

ไม่มีความคิดเห็น: